บางแสน ชลบุรี

CRC ประกาศกำไรไตรมาส 3 ทะลุ 1.2 พันล้านบาท พร้อมลุยขยาย Tops CLUB

CRC ประกาศกำไรไตรมาส 3 ทะลุ 1.2 พันล้านบาท พร้อมลุยขยาย Tops CLUB

CRC ประกาศกำไรไตรมาส 3 ที่ 1,259 ล้านบาท พุ่ง 156.7% ผลการเปิดเศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียน มองกำลังซื้อฟื้นตัว แต่ถูกกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าขยาย Tops CLUB

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ CRC ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทและบริษัทย่อย ได้รายงานผลการประกอบการไตรมาส 3 ประจําปี 2565 มีรายได้รวม 57,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.8% และกําไรสุทธิ 1,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.7% จากปีก่อน บริษัท มีรายได้จากการ ขายเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ เนื่องมาจากการเปิดดําเนินการได้ตามปกติและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศไทย ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ทําให้บางสาขาที่ต้องปิด ให้บริการชั่วคราวตามการบังคับใช้มาตรการ Lockdown

นอกจากนี้ รายได้ยังเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงสาขา Flagship และสาขาเก่าการขยายสาขาใหม่ การเรื่องเปิดร้านค้ารูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง และจากการ Rebranding ของส่วนงานฟู้ด สําหรับค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ได้เพิ่มขึ้นแต่ในอัตราร้อยละที่ตํ่ากว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคิดเป็นสัดส่วนของรายได้รวมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออก การบริโภคในประเทศตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากปีก่อนหลัง เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคบริการจากการเปิดประเทศ เต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงซึ่งได้กดดันกําลังซื้อและการบริโภคของ ครัวเรือน รวมถึงต้นทุนทางการเงินยังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ส่วน ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวตามการลดลงของกําลังซื้อ อันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่าง ต่อเนื่องจากราคาพลังงานเป็นหลัก ประกอบกับธนาคารกลางประเทศต่างๆ อยู่ในช่วงเรื่องขึ้นดอกเบี้ยซึ่งทําให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น วิกฤติพลังงานในภูมิภาคยุโรป รวมถึงสงครามรัสเซียยูเครนที่ยืดเยื้อ เหตุผลข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ การดําเนินงานของบริษัทฯ ที่บริษัทฯ ยังคงต้องติดตามและบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ บริษัท ได้มีการขยายสาขาและปรับปรุงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 บริษัท มีการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ถลาง ที่จังหวัดภูเก็ต ไทวัสดุ 2 สาขา ที่จังหวัดน่าน และบางแสน จังหวัดชลบุรีในรูปแบบ hybrid ผสมผสานแบรนด์ไทวัสดุ และ BnB home และบริษัท ได้มีการเปิดโมเดลเมมเบอร์ช็อปสโตร์รูปแบบใหม่ “ท็อปส์ คลับ” (Tops CLUB) ที่พระราม 2
โดยเสนอสินค้า นําเข้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดังจากต่างประเทศกว่า 3,500 รายการในทุกหมวดหมู่สินค้าตั้งแต่ อาหารสด อาหารแห้ง ขนม-เบเกอรี่ สินค้า เครื่องครัว ของใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กลางแจ้ง ของเล่นสําหรับเด็ก อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์สําหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องดื่ม 4 และไวน์ และยังเปิดช่องทางให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าบนแอปพลิเคชัน Tops CLUB ได้

อีกทั้งบริษัทฯ ได้เปิดร้านค้าเฉพาะทาง (Specialty Store) รวมทั้ง Brandshop ต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ด้านการปรับปรุงสาขาหรือปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ (Renovation & Rebranding) ในไทย บริษัทฯ ได้ปรับปรุงสาขาของ ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ และสาขา Flagship ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล อาทิ สาขาลาดพร้าว ชิดลม

อีกทั้งได้ปรับปรุงร้านค้า ขนาดเล็กอื่นๆ ด้วย สําหรับประเทศเวียดนาม บริษัทฯ ได้ Rebrand และปรับปรุงสาขา Big C เป็น GO! mall และ GO! hypermarket สําหรับประเทศอิตาลี บริษัท ได้ปรับปรุงห้างสรรพสินค้าสาขา Flagship ได้แก่ สาขา Milan Florence และ Cagliari ณ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มีพื้นที่ขายจํานวน 3.3 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีพื้นที่เช่า จํานวน 0.7 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน.

เรื่องล่าสุด