Site icon เว็บไซต์บางแสน

เลือดทหารเสือ “ประยุทธ์” โหน “หิมาลัย” ไปตายดาบหน้า

เลือดทหารเสือ “ประยุทธ์” โหน “หิมาลัย” ไปตายดาบหน้า

ชั่วโมงนี้ “ประยุทธ์” พึ่งน้องรักทหารเสือ “หิมาลัย” รวบรวมนักการเมืองท้องถิ่นสายเหนือ เสริมทัพเสี่ยเฮ้ง เพราะลำพังบ้านใหญ่ปักษ์ใต้ไปไม่ถึง 25 เสียง

ความไม่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ ส.ส.พลังประชารัฐ เกิดความไม่มั่นใจ และไม่กล้าตัดสินใจโบกมือลาลุงป้อม 

ด้วยเหตุนี้ ข่าวสารเกี่ยวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงสะท้อนความไม่พร้อมและถูกปรามาสว่า จะได้ ส.ส.ไม่เกิน 25 เสียง

ตัวอย่างจากนิด้าโพล ได้เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง 6 พรรคกับโอกาส ได้เป็นรัฐบาล ช่วงต้นเดือน ธ.ค.2565 พบว่า พรรคเพื่อไทย มีโอกาสเป็นรัฐบาลค่อนข้างมากร้อยละ 40.38 ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสเป็นรัฐบาล แค่ร้อยละ 15.73 

อาการไปต่อไม่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้บอกกับนักข่าววันก่อน “ก็ 2 ปี จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง” ได้ถูกตีความว่า ลุงตู่กำลังจะจับคู่กับใครบางคน เพื่อให้สูตรนายกฯคนละครึ่ง เป็นจริง

การที่ลุงตู่เปิดหน้าไพ่อยู่ต่อแค่ 2 ปี ก็ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ขาดเสน่ห์ขาดแรงดึงดูดใจในสายตาของนักเลือกตั้งบ้านใหญ่ 

มิหนำซ้ำ องค์ประกอบของพรรคใหม่ที่เป็นนั่งร้านลุงตู่ คือ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกน กปปส. ดูจะเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัวกับนักการเมืองบ้านใหญ่ 

โจทย์ที่ยากข้างต้นนี้ เป็นเรื่องที่ “2 เสธ.ทำเนียบ” อย่าง เสธ.มิตต์-พล.ท.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ เสธ.เก๋-พล.ท.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการ จะต้องช่วยกันหาทางออก เพื่อให้พรรคใหม่ก้าวเดินต่อไปได้

ทิ้งเพื่อนเลือกพี่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่นายทหารการเมืองแบบพี่ป้อม จึงปรับตัวเข้าหากลุ่ม ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ จึงระยะห่าง จนกลายเป็นคนละพวก  

โชคดีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอดีตนายทหารคนดัง หิมาลัย ผิวพรรณ ตัดสินใจเลือกที่จะก้าวตามลุงตู่ไปสร้างพรรคใหม่

หิมาลัย ผิวพรรณ เตรียมทหารรุ่น 25 เป็นเพื่อนรักของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งในช่วงหนึ่ง หิมาลัยได้ทำงานกับรุ่นพี่ในยุทธจักรเมืองหลวงคือ เสธ.แอ๊ว-พล.อ.อัครเดช ศศิประภา

หลังจบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย หิมาลัยเลือกเรียนทหาร มีความคิดอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงขอลงสังกัดกรมแผนที่ทหาร สุดท้ายกลับไปอยู่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) เป็นทหารเสือราชินี รุ่นน้องของ พล.อ.ประยุทธ์

เรื่องบางเรื่องอธิบายไม่ได้ อย่างกรณีสายสัมพันธ์ทหารเสือของ พล.อ.ประยุทธ์ กับหิมาลัย ที่โคจรมาทำงานการเมืองร่วมกันในวันนี้ 

ช่วงการเลือกตั้งปี 2562 พี่น้อง 3 ป. ดึงตัวหิมาลัยมาลุยงานมวลชน โดยถูกส่งไปช่วย พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งรับบทแม่ทัพ พปชร. ในสมรภูมิเลือกตั้งภาคใต้

เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หิมาลัยได้เข้ามาประจำการที่ทำเนียบ ตำแหน่งผู้ประสานสำนักงานรองนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้แต่งตั้งหิมาลัย เป็นคณะที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์

ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัส ขัดแย้งแตกหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ วันนั้น หิมาลัยได้แสดงจุดยืนอยู่ข้างลุงตู่ ไม่เอาธรรมนัส แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกับผู้กองคนดัง

หิมาลัยมีหลักคิดแบบชาวยุทธจักรคือ เหนือการเมือง ก็คือความกตัญญูและสัจจะ เนื่องจากวันที่หิมาลัย เคว้งคว้างอยู่กลางทะเล ไต้ก๋งเรือชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับตัวเขาขึ้นเรือ ฉะนั้น เขาจึงขอตอบแทนผู้มีพระคุณ

เป็นรับรู้กันว่า หิมาลัย ดูแล ส.ส.พลังประชารัฐ 3 คน ได้แก่ สัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ เขต 4, สุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร เขต 2 และ มานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก เขต 5

แยกทาง ป.แป๊ะ

ตั้งแต่ปลายปี 2564 หิมาลัย ร่วมกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร ลุยพื้นที่หนองคาย, อุดรธานี, สกลนคร และขอนแก่น เพื่อร่วมคัดสรรว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ สายอีสานเหนือ

หลายคนคงจำภาพอีเวนท์เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พปชร. ทั้ง 3 เขต ที่มีประชาชนเข้าร่วมงานนับหมื่นคน ซึ่งผู้เบื้องหลังภาพนี้ก็คือ บิ๊กแป๊ะ และหิมาลัย

รวมถึงอีเวนท์พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน ร้านอาหารดงตาลคาเฟ่&นัวเวอร์ จ.หนองบัวลำภู ที่ลุงป้อมสวมยีนส์ ใส่รองเท้าผ้าใบ มีผ้าขาวม้าคาดเอว ไปร่วมงานวันนั้น โดย ป.แป๊ะ และหิมาลัย พยายามสร้างภาพลักษณ์ลุงป้อม ให้ดูปราดเปรียว และใกล้ชิดประชาชน

มาถึงวันที่ต้องเลือกข้าง หิมาลัยก็แยกทางกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ในการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. มาเติมเต็มในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน 

มังกรโต้คลื่น

ก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงจุดยืนขอแยกทางกับ พล.อ.ประวิตร ก็มีกระแสข่าว ส.ส.พลังประชารัฐ ซุ้มบ้านใหญ่อย่างกลุ่มเพชรบูรณ์ ,กลุ่มเสี่ยเฮ้ง ,กลุ่มสามมิตร และกลุ่มเมืองหลวง 30-40 ชีวิต จะตามไปอยู่พรรคใหม่ของลุงตู่ 

เอาเข้าจริง ก็มีเพียงกลุ่มเสี่ยเฮ้ง 8 คน รวมกับ ส.ส.ภาคใต้อีก 4-5 คน ที่ตัดสินใจอำลาพรรค พปชร. ส่วน ส.ส.บ้านใหญ่ 6-7 ซุ้ม มากกว่า 60 คน ยังแสดงความภักดีต่อลุงป้อม

สถานการณ์อันพลิกผันเช่นนี้ ส่งผลให้ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น เดินหน้าก็ลำบาก ถอยกลับก็ไม่ได้  

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยเฮ้งก็ทำใจปล่อยเพื่อน ส.ส.ที่เคยดูแลกันมาไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย อย่างเช่น ปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม ,กฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี, สุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี ,สมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี,ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี, อัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี และ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี

เลือกตั้งสมัยหน้า เสี่ยเฮ้งคงต้องกลับมาโฟกัสที่สมรภูมิชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพราะมันเป็นที่มั่นสุดท้ายของเขา หากประสบความปราชัย ก็จะไม่มีที่ยืนบนถนนการเมือง

จ.ชลบุรี เสี่ยเฮ้งต้องสู้กับทีมบ้านใหญ่แสนสุข นำโดยสนธยา คุณปลื้ม ซึ่งเที่ยวหน้า ทีมลูกกำนันเป๊าะหันไปซบพรรคเพื่อไทย 

ว่ากันว่า สนธยา คุณปลื้ม จับมือมานิตย์ ภาวสุทธิ์ อดีต ส.ส.ชลบุรี สายตรงเฮียเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล จัดทัพผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ทั้ง 10 เขต 

แถมยังมีข่าวว่า 2 ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร. อย่างสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และจองชัย วงศ์ทรายทอง ก็จะไปร่วมงานกับสนธยา 

ส่วน จ.ฉะเชิงเทรา ทีมเสี่ยเฮ้ง ภายใต้การดูแลของกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ต้องเจอทีมเพื่อไทย ภายใต้การร่วมมือกันของสุชาติ ตันเจริญ และจาตุรนต์ ฉายแสง 

ดังนั้น เสี่ยเฮ้งจึงต้องทุ่มเทสรรพกำลังและให้เวลาอย่างเต็มที่ ในการบัญชาการรบ 2 จังหวัด 14 เขตเลือกตั้ง จึงมีข่าวว่า เสี่ยเฮ้งอาจไม่ลง ส.ส.ชลบุรี เขต  1 ตามที่ได้ประกาศไว้ 

อาการละล้าละลังของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มาจากความไม่มั่นใจในขุมกำลังที่มีอยู่ เพราะวันนี้ รวมไทยสร้างชาติ ถูกมองว่า เป็นพรรคเฉพาะกิจภาคใต้ และมีแนวโน้มจะได้ ส.ส.ไม่ถึง 10 คน 

ฉะนั้น ลุงตู่จึงฝากความหวังไว้ที่เสี่ยเฮ้ง และหิมาลัย ที่จะลุยเจาะสนามภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ให้ได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ

Exit mobile version