“บิ๊กป้อม”เมินแข่งดุโค้งสุดท้าย ลั่นไม่ขอเดือดกับใครยันข้ามความขัดแย้ง “บิ๊กตู่” ยกทัพใหญ่ รทสช.เดินสายตตจว.ยาว ปักหลักเมืองชล จัดตัวตึง “ศรัณย์วุฒิ” ขึ้นเวที ด้าน”เศรษฐา” ยินดี “อุ๊งอิ๊ง” คลอดบุตรชายน้อง “ธาษิณ” คาดอีก 7-8 วัน ขึ้นเวที”พท.”ได้แน่ ยิ่งลักษณ์โพสต์รอวันอุ้มหลาน ขณะที่”ชูวิทย์” โพสต์ขู่ต่อต้าน”พท.” หากให้ “ภท.” ร่วมตั้งรัฐบาล ขณะที่”ศรีสุวรรณ”ร้องกกต. ตรวจสอบหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยถือหุ้นในสื่อหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงอุณหภูมิทางการเมืองช่วงโค้งสุดท้ายแต่ละพรรคการเมืองโจมตีกันอย่างดุเดือด ว่า ตนไม่ขอเดือดกับใครด้วย พรรคพลังประชารัฐไม่มีความขัดแย้งกับพรรคการเมืองใด ยังคงเดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง
เมื่อถามถึงผลซูเปอร์โพลที่ชี้ว่าอยากเห็นพรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งในพรรคจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า โพลไหน คุณคิดว่าแล้วมีโอกาสไหมหล่ะ พร้อมกล่าวถึงการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงจ.ขอนแก่นที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศดี คนมาเยอะ จังหวัดนี้ตั้งเป้าวางไว้ 5 คน จาก 11 เขต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการปราศรัยใหญ่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง และแคนดิเคตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) โดยวันที่ 2 พ.ค.ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. ลงพื้นที่หาเสียงตลาดหนองมน ต.แสนสุข
จากนั้นหารือพบปะผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี และเวลา 17.30 น. สักการะพระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคลสิรินารถ ที่หอพระพุทธสิหิงค์ ศาลากลางจ.ชลบุรี เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวชลบุรี เพื่อความสิริมงคลและเวลา 18.00 น.ขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัด โดยมีแกนนำพรรคร่วมขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ,นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ,นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค ฐานะรับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งภาคตะวันออก และนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ผู้สมัครส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 โดย พล.อ. ประยุทธ์ ปราศรัยปิดท้าย ขณะที่วันที่ 3 พ.ค. พล.อ. ประยุทธ์ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 5 พ.ค.หาเสียงจ.สมุทรปราการ
ที่ลานพระรูปรัชกาลที่ 5 อ.เมือง จ.สกลนคร พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ,นายอดิศร เพียงเกษ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ,นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ,นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ,นายเอกพร รักความสุข ,นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร ได้แก่ นายอภิชาต ตีรสวัสดิชัย เขต 1 , นายนิยม เวชกามา เขต 2 , นางสาวจิรัชยา สัพโส เขต 3 , นายพัฒนา สัพโส เขต 4 , นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล เขต 5 , นางสาวสกุณา สาระนันท์ เขต 6 ,นายเกษม อุประ เขต 7 ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน
นายเศรษฐา ปราศรัยด้วยเสียงแหบแห้ง เนื่องจากเป็นไข้หวัด ว่า เป็นความปิติยินดียิ่งที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวจ.สกลนคร เมื่อเช้านี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เราต้องร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร เมื่อเวลา 07:00 น. ที่ผ่านมา ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีหลานคนที่ 7 จาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหลานชาย ชื่อ เด็กชายพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ชื่อเล่น “ธาษิณ” ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ แม่ก็แข็งแรง และฝากความคิดถึงพี่น้องชาวสกลนครทุกท่านด้วย น.ส.แพทองธารมีความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องและอยากจะมาพบปะคาดว่าอีก 7-8 วัน น่าจะออกเดินสายหาเสียงช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรงงาน วันที่พวกเรามาช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนชาวแรงงาน ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าแรงขั้นต่ำจะขึ้นทันที 400 บาททันทีในปีหน้า และภายใน 4 ปี ค่าแรงจะปรับขึ้นเป็น 600 บาท สำหรับเงินเดือนปริญญาตรี จะถูกปรับขึ้น 25,000 บาทภายในระยะเวลา 4 ปี เช่นเดียวกัน สำหรับพืชผลทางการเกษตรถือเป็นเรื่องสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พี่น้องจะได้มีเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ด้านสิทธิทำกิน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะนำสิทธิที่ดินทำกินจำนวน 50 ล้านไร่ เราคำนึงถึงความยากจนที่พี่น้องถูกรัฐบาลปัจจุบันกดขี่มานาน เราจะมีการจัดสำรวจทันทีสำหรับครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน จะเติมให้เต็มทันที 20,000 บาท
“สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายนี้มีคนบอกว่าเราทำไม่ได้ จะผิดกฎหมาย ขออย่าเชื่อ ขอให้พี่น้องเชื่อใจ พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยกเลิกบัตรคนจน แต่เรามั่นใจว่าบัตรคนจนจะหมดไป เมื่อพี่น้องร่ำรวยขึ้น ให้พี่น้องเอาบัตรคนจนแปะข้างฝา ให้พลเอกประยุทธ์ ดูต่างหน้าว่าเขาตราหน้าว่าเราเป็นคนจน แต่พรรคเพื่อไทย จะทำให้พี่น้องเราหลุดพ้นจากความเป็นคนจน ผมขอฝากพี่น้องชาวสกลนคร เลือก ส.ส.สกลนคร ทั้งคน ทั้งพรรค เพื่อผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะเกิดขึ้นให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นายเศรษฐา กล่าว
วันเดียวกัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัวว่า สวัสดีครับ ผมชื่อเด็กชาย พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ชื่อเล่นชื่อ ธาษิณ ครับ “ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันนี้ คุณแม่รอแข็งแรงก่อนจะไปพบพี่ๆ สื่อมวลชนครับ” #babyThasin #mmdpsbabyboy
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตจนายกฯ โพสต์ภาพครอบครัวอุ๊งอิ๊ง พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระบุว่า ดีใจที่สุด! ขอแสดงความยินดีกับหลานอิ๊งและปอนะจ๊ะที่ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าหลาน “ธาษิณ” แล้ว หลังจากรอคอยอุ้มท้องหาเสียงด้วยความอดทนมานาน ขอให้หลานมีสุขภาพกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เข้มแข็งเหมือนแม่ และเชื่อว่าคุณตาคงอดใจรอจะอุ้มหลานไม่ไหว ส่วนอาก็รอวันที่จะได้อุ้มหลานนะ
ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ทวีตทางทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra ข้อความว่า เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลายคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊ง แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า ทักษิณกับเนวิน อดีตที่ลืมไม่ลง นายอนุทินแบไต๋บอกว่า จับมือได้ทุกขั้วหลังเลือกตั้งคะแนนออก ให้พรรคได้เสียงข้างมากรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน ส่งสัญญาณถึงนายทักษิณให้ลืมอดีตที่ผ่านมากับนายเนวินที่หัก นายเก่า ด้วยประโยคติดหู มันจบแล้วครับนาย ข้ามขั้วไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น จัดตั้งรัฐบาลให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ
ส่วนตัวนายเนวินปาดหน้าเค้กงาบเอา กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงคมนาคม ไปครองชนิดเชิงการเมืองชั้นครูจนได้รับฉายา ครูใหญ่ จากนั้นสะสมทุนตั้งพรรค ภูมิใจไทย ขึ้นมาได้ถึงทุกวันนี้ เลือกตั้งครั้งก่อน ปี 2562 ก็ยังถีบหัวส่งพรรค เพื่อไทย ไปเป็นฝ่ายค้านอยู่ 4 ปีเต็ม ส่วนตัวเองไปร่วมกับ บิ๊กตู่ ในการจัดตั้งรัฐบาล แค้นนี้คงไม่มีวันลืม เจ็บแล้วต้องจำ
แม้ถึงวันนี้ นายอนุทินจะพร่ำบอกว่า ให้นายทักษิณลืมอดีต เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไปถึงไหน? ที่พูดเพราะนายอนุทินได้รับการอบรมจาก ครูการเมืองชื่อเนวิน ผู้เป็นโค้ชสอนเชิงมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำโด่งในทุกโพลล์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยสาละวันเตี้ยลง จึงงัดกลยุทธ์ขอสมานฉันท์เอาหน้าด้านๆ
ทีได้เอา ทีเสียก็จะพลิกเอาอีก ตามวิสัยของผู้รับเหมาผสมนักการเมือง ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ ไม่มีจุดยืนใดๆ ไม่มีความจริงใดๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เปรียบเสมือนนายอนุทินทำธุรกิจการค้าหากำไรจากการเป็นรัฐบาลอย่างเดียว จึงขอเตือนนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย หลังผลคะแนนออก มองข้ามช็อตการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล จะต้องให้พรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน โดยนายอนุทินเป็น ผู้นำฝ่ายค้านในสภา เพื่อให้เห็นการทำงานเพื่อประชาชนในสถานะฝ่ายค้าน
ภารกิจใหม่ในการต่อต้าน พรรคภูมิใจไทย ให้เป็นฝ่ายค้านจะเริ่มขึ้นทันที อันเนื่องมาจากนโยบาย กัญชาเสรี ที่ทำร้ายสังคม ประชาชนต้องให้ บทเรียน แก่พรรคการเมือง ให้ได้รับโทษ เพื่อไม่ให้กระทำการเยี่ยงนี้อีก เป็นตัวอย่างการสร้างเกราะป้องกันตัวให้กับสังคมต่อพรรคการเมือง หากพรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย
ผมจะขอต่อต้านพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะถือว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้นำเอา กัญชา ปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดเข้าสู่สังคม ทำให้เยาวชนเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของกัญชาที่มีขายอย่างเสรีทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ โดยอ้างเอา กัญชาทางการแพทย์ มาบังหน้า หากไม่ลงโทษพรรคภูมิใจไทยให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะกำเริบเสิบสาน พรรคการเมืองใดกระทำการเช่นนี้อีก นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม ที่นำเอายาเสพติดเข้าสู่สังคมไทย จับเยาวชนไทยเป็นตัวประกัน โดยไม่ได้มีกฎหมายควบคุมเหมือนประเทศอื่นๆ ต่อต้านกัญชาเสรี ต่อต้านพรรคภูมิใจไทยไม่ให้เป็นรัฐบาล นำกัญชากลับให้เป็นยาเสพติด และให้ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น นี่คือคำสัญญาประชาคม จากประชาชนอย่างผม
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยังคงถือหุ้นในบริษัทมหาชนแห่งหนึ่งจำนวน 1,216,149,807 หุ้นนั้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนไว้เกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ หลายข้อ อาทิ จัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใดฯ ประกอบกิจการโฆษณา, จัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนตร์, ประกอบธุรกิจด้านบันเทิงและโฆษณาทุกชนิดทุกประเภท, ประกอบธุรกิจและธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เป็นต้น
ซึ่งกิจการในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นลักษณะต้องห้ามตาม ม.98(2) ประกอบ ม.160(6) และ ม.98(3) ของบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.88 ได้
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงจะต้องนำความไปร้องเรียนให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบว่าการถือหุ้นในกิจการลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามการเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะไปยื่นในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B