กระทรวงการต่างประเทศประกาศ เร่งแรงงานไทยในอิสราเอลกลับประเทศโดยเร็วที่สุด หลังกองทัพอิสราเอลรุกคืบถล่มฉนวนกาซาหนักขึ้น หวั่นการสู้รบกระทบถึงการอพยพคน นายกฯโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลส่วนตัว วอนแรงงานไทย “กลับบ้านเราเถอะครับ” ยันทุกสายข่าวด้านความมั่นคงรายงานสงครามจะขยายวงกว้างขึ้น รัฐบาลพร้อมจัดเครื่องบินไปรับ ด้านกระทรวงแรงงานเผยในรอบสัปดาห์ มีแรงงานไทยขอกลับประเทศเพิ่มขึ้นแค่ 3 คน ส่งให้ยอดลงทะเบียนอยู่ที่ 8,478 คน ขณะที่อิสราเอลขยายการจู่โจมปูพรมถล่มทางอากาศและภาคพื้นดิน
โวปลิดชีพ 2 ผู้บัญชาการฮามาส ที่มีส่วนคุมปฏิบัติการทางอากาศและปฏิบัติการแทรกซึมทางทะเลรัฐบาลยังคงเรียกร้องให้คนไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลเร่งอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง หลังสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มฮามาสทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แรงงานกลับมาอีก 312 คน
ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อเช้าวันที่ 28 ต.ค.นายภัทรวุธ เภอแสละ ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน และ น.ส. นันทินี ทรัพย์ศิริ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วม ต้อนรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอลจำนวน 312 คน พร้อมอำนวยความสะดวกการรับสิทธิประโยชน์ กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โดยเดินทางด้วยเที่ยวบินไทยไลออน เมนทารี่ SL7005 มาถึงเวลา 02.50 น. จำนวน 134 คน และเที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย FD 8754 เวลา 04.05 น. จำนวน 178 คน ทุกคนต่างแสดงความดีใจที่ได้เดินทางกลับถึงบ้านเกิด เมืองนอน เนื่องจากต้องรอการเดินทางกลับหลายวัน และหวั่นว่าสถานการณ์ในอิสราเอลจะรุนแรงมากขึ้น
จ่ายเงินช่วยกว่า 13 ล้านบาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า กระทรวงให้ความสำคัญกับการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องแรงงานไทย อย่างเร่งด่วน มอบหมายกรมการจัดหางานอำนวย ความสะดวกและชี้แจงสิทธิประโยชน์ให้ทราบทันทีที่เดินทางถึงท่าอากาศยานประเทศไทย เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ได้มอบสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯให้แรงงานที่เป็นสมาชิกกองทุนฯแล้ว 865 ราย แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 4 ราย รายละ 40,000 บาท กรณีทุพพลภาพ 1 ราย รายละ 30,000 บาท กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับไทย เนื่องจากภัยสงคราม 860 คน คนละ 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 13,090,000 บาท โอนเงินผ่านบัญชี ธนาคารออนไลน์ของผู้รับสิทธิประโยชน์ เพื่อความสะดวก โปร่งใส ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อราชการ
อพยพกลับแล้ว 6.4 พันคน
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลถึงวันที่ 28 ต.ค. มีผู้ลงทะเบียนแจ้งความ ประสงค์กลับประเทศไทยจำนวน 8,478 คน แรงงานเดินทางกลับถึงไทยแล้วทั้งสิ้น 36 เที่ยวบิน จำนวน 6,448 ราย และยื่นแบบขอเดินทางกลับไปทำงาน ประเทศอิสราเอลหลังเหตุการณ์สงบแล้ว 1,189 คน
แจ้งขอกลับเพิ่มอีก 3 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ อิสราเอลของกระทรวงแรงงาน ระบุข้อมูลแรงงานไทย ลงทะเบียนกลับประเทศไทยวันที่ 23 ต.ค. มีจำนวน 8,475 คน จนถึงวันที่ 28 ต.ค. มีตัวเลขลงทะเบียนส่งกลับอยู่ที่ 8,478 คน เท่ากับใน 6 วัน มีคนขอกลับประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3 คนเท่านั้น
การสู้รบส่อกระทบการอพยพ
ต่อมาในช่วงสาย กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกประกาศเตือนแรงงานไทยว่า ตามที่ได้มีสถาน การณ์ความรุนแรงในอิสราเอล-กาซา ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. และกระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศเตือนคนไทยและเรียกร้องให้เดินทางกลับประเทศไทยเป็นระยะนั้น ขณะนี้กองทัพอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาอย่างเข้มข้นขึ้น น่าจะส่งผลให้สถานการณ์สู้รบรุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวไทยในอิสราเอล รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่าการสู้รบจะขยาย พื้นที่ อาจส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศและกระทบต่อกระบวนการอพยพอย่างมีนัยสำคัญ
เรียกร้องคนไทยกลับประเทศ
ในประกาศ ระบุด้วยว่ารัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้คนไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด และขอเชิญชวนให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทย ช่วยแจ้งให้พี่น้องแรงงานที่ยังตัดสินใจอยู่ในอิสราเอล พิจารณาเปลี่ยนใจกลับประเทศโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับ สามารถแจ้งสถานทูตฯ หรือเดินทางมายังศูนย์พักพิงได้ทันที ที่โรงแรม David InterContinental, Kaufmann Street 12, Tel Aviv-Yafo, 61501 โทรศัพท์ศูนย์พักพิง : 050-443 8094, 053-557-4115 โทรศัพท์สถานทูตฯ : 055-271 2201, 053-245 2826, 054-636 8150
นายกฯขอให้กลับบ้านเราเถอะ
ต่อมาในช่วงบ่าย นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้โพสต์ทวิตเตอร์ (X) ระบุข้อความที่กระทรวงการต่างประเทศประกาศไปก่อนหน้า พร้อมรีทวีตข้อความดังกล่าวซ้ำ เพื่อเรียกร้องแรงงานไทยกลับประเทศโดยเร็ว ระบุข้อความว่า “กลับบ้านเราเถอะครับ” “ทุกสายข่าวทางด้านความมั่นคงรายงานว่าสงครามจะแพร่ขยายไปในวงกว้างขึ้น ขอให้กลับบ้านเราเถอะครับ ทางรัฐบาลพร้อมจัดเครื่องบินไปรับ”
“พิพัฒน์” ย้ำให้ห่วงชีวิตก่อน
เช่นเดียวกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ที่กล่าวเพิ่มเติมว่ากระทรวงแรงงานได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศเช่นกันว่า สถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลมีแนวโน้มรุนแรงยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของแรงงานไทย กระทรวงแรงงานมีความห่วงใยแรงงานไทยในอิสราเอลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ขอให้แรงงานไทยเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุดตามประกาศของกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของตัวแรงงานไทยเองเป็นลำดับแรก และขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรคำนึงถึงชีวิตเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
มท.1 สั่งผู้ว่าฯกล่อมครอบครัว
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้สั่งการด่วนผ่านกลุ่มไลน์ ผู้บริหารกระทรวงถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศ เร่งประสานครอบครัวแรงงานไทยที่ยังทำงานในอิสราเอล เพื่อให้ครอบครัวโน้มน้าวให้แรงงานไทยกลับประเทศโดยด่วนเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง และออกมาตรการช่วยเหลืออื่นตามมา โดยระบุว่า “เรียนท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกท่านครับ ผมเพิ่งได้รับการสั่งการจากท่านนายกรัฐมนตรี ขอให้เครือข่ายมหาดไทยช่วยเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์กับครอบครัวและญาติของผู้ใช้แรงงานในอิสราเอล ให้ช่วยกันขอให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของชีวิต รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ พร้อมทั้งเร่งออกมาตรการเยียวยาหาทางลดภาระต่างๆ ให้อย่างเต็มที่
หวั่นแรงงานไทยสูญเสียหนัก
ในประกาศนายอนุทินระบุด้วยว่า “รัฐบาลเป็นห่วงพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนอย่างมาก ต้องการให้ทุกคนมีความปลอดภัย หากมีการปฏิบัติการกวาดล้างในอิสราเอล อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของพี่น้องแรงงานไทยได้ รัฐบาลขอวิงวอนให้พี่น้องแรงงานได้ตัดสินใจกลับมาเมืองไทยก่อน ขอความร่วมมือให้คนในครอบครัวได้ช่วยกันติดต่อและหากต้องการให้ช่วยติดต่อประสานเรื่องการเดินทางกลับ ขอให้ญาติได้แจ้งมายังอำเภอหรือจังหวัดได้เพื่อจะได้ประสานงานอำนวยความสะดวกให้ต่อไป ผมขอรบกวนท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่าน ได้กรุณาดำเนินการตามบัญชาท่านนายกรัฐมนตรี โดยด่วนด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ”
สาวแฉนายจ้างบังคับทำงาน
สำหรับบรรยากาศครอบครัวแรงงานไทยที่กลับถึงภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อย ที่ จ.นครพนม มีแรงงานกลับถึงบ้านเกิดแล้วกว่า 300 คน จากที่ขึ้นทะเบียนไปทำงานประเทศอิสราเอลกว่า 2,100 คน ญาติแจ้งขาดการติดต่อ 4 คน และผู้ที่กลับมาทยอยติดต่อขอรับสวัสดิการต่างๆ ที่สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนมไม่ขาดสาย รวมถึงมาเรียกร้องสิทธิกรณีหนีนายจ้างกลับไทย น.ส.เอกวรรณ หรือ บี ปราบมีชัย อายุ 31 ปี ชาวบ้านวังโพธิ์ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดเผยว่า ได้นำเอกสารมาขอให้ติดตามเงินเดือนงวดสุดท้ายกับนายจ้าง หลังจากกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ไปทำงานที่อิสราเอล เมื่อปี 2564 เป็นคนงานภาคการเกษตร ที่เมืองโมซาฟ เป็นพื้นที่สีแดง มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป รวมเป็นหนี้ 1.5 แสนบาท ไปทำงาน 6 เดือน ปลดหนี้ได้และกำลังเก็บเงินมาสร้างฐานะ แต่เกิดสงครามรุนแรง ซ้ำร้ายยังถูกนายจ้างบังคับให้ทำงานขณะเกิดสงคราม จึงกังวลเรื่องความปลอดภัยและติดต่อสถานทูตขอกลับไทย ทิ้งเงินเดือนที่เหลือ จึงมาติดต่อขอรับสิทธิและสวัสดิการต่างๆผ่านกระทรวงแรงงาน
ครวญกลับมาใช้หนี้ก้อนโต
ขณะที่นายวิวัฒน์ชัย หรือ นิค ทองศักดิ์ อายุ 32 ปี ชาวบ้านม่วง ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลได้แค่ประมาณ 15 วัน ก็เกิดสงครามยิงกันหนัก หวังหาเงินใช้หนี้สินเป็นค่าเดินทางไปทำงานกว่า 1.5 แสนบาท ยังไม่ทันใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว ทางบ้านขอให้กลับไทยเอาชีวิตรอดก่อน ถึงแม้จะมีภาระหนี้สิน ยอมรับว่าเสียดายค่าแรง เสียดายเงินเดือนที่จะได้รับ ถ้าสงครามสงบพร้อมจะกลับไปทำงานในประเทศอิสราเอลอีก
พ่อสุดช้ำเสียลูกถึง 2 คน
ส่วนการจัดพิธีศพแรงงานไทยเหยื่อสงคราม ที่มีการส่งศพกลับบ้านเกิดลอตที่สองอีก 7 ศพผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของนายลำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี ใน ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น พ่อของแรงงานที่เสียชีวิตจากสงครามในประเทศอิสราเอล สูญเสียลูกชายไปพร้อมกัน 2 คน คือนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ อายุ 26 ปี ลูกชายคนเล็ก ที่มีพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 28 ต.ค.ครอบครัวต้องกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกครั้ง เนื่องจากต้องเคลื่อนร่างนายอภิชาต กุสะรัมย์ อายุ 29 ปี ลูกชายคนกลางมาตั้งศพบนเมรุ ที่วัดหัวหินประเสริฐธรรม ที่เดียวกับน้องชาย เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพท่ามกลางความโศกเศร้าของคนในครอบครัว และเพื่อนบ้านที่มาร่วมวางดอกไม้จันทน์ เป็นการไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับผู้เสียชีวิต ขณะที่วางดอกไม้ จันทน์ ทั้งนายลำเพย น.ส.ขวัญชนก ชมชื่น ภรรยาของผู้ตาย และลูกสาว อายุ 4 ขวบ ต่างร้องไห้อย่างหนักที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับน.ส.ขวัญชนก กล่าวว่า ในช่วงที่ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ ก่อนจะเผานั้นได้บอกสามีขอให้ไปสบาย ไม่ต้องห่วงลูกสาว จะดูแลลูกคนนี้ให้ดีที่สุด
แม่ใจจะขาดเผาร่างลูกชาย
เช่นเดียวกับที่บ้านดงแสนสุข ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ญาติพร้อมชาวบ้านได้นำโลงศพที่บรรจุร่างไร้วิญญาณของนายศักดิ์สิทธิ์ หรือ ซาโด้ โคตมี อายุ 37 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการถูกระเบิดขณะออกไปทำงานเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นรถกระบะของผู้ตาย เคลื่อนไปยังเมรุที่วัดป่าบ้านดุงแสนสุข เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพ มีนายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีถวายผ้าไตรและวางดอกไม้จันทน์ ตามด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ร่วมวางดอกไม้ จันทน์ จากนั้นนางบัวแพ แตงอ่อน และ น.ส.เกษแก้ว เงียบสดับ มารดาและพี่สาวของผู้ตาย พร้อมแฟนสาวนายซาโด้ ขอขึ้นไปดูหน้าผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเผาร่าง ทำเอาแม่และพี่สาวผู้ตายร้องไห้ใจแทบขาด ญาติๆต้องช่วยประคองนำลงมาจากเมรุ นางบัวแพกล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว ลูกไม่เคยมาเข้าฝันเลย หลังจากเผาร่างลูกชายแล้ว จะทำบุญกระดูก หรือบุญแจกข้าวต่อไปให้เสร็จไม่ต้องมาห่วง เพื่อให้ลูกชายได้รับส่วนบุญส่วนกุศล
รมว.กห.ร่วมเผาหนุ่มอุดรฯ
ที่เมรุวัดบ้านหนองปิงน้อย บ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี มีพิธีฌาปนกิจศพนายธีรพงษ์ หรือดอน กลางสุวรรณ แรงงานไทยถูกกราดยิงที่ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธี พร้อมให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต ท่ามกลางเพื่อนบ้าน และข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆในอำเภอหนองหาน และ จ.อุดรธานี ร่วมส่งดวงวิญญาณนายธีรพงษ์อย่างเนืองแน่น บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของญาติมิตร น.ส.สุดา เทพแก้ว ภรรยานายธีระพงษ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่าขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือดำเนินการต่างๆ ในการนำศพสามีกลับมาถึงบ้าน และผู้ที่มาร่วมงานฌาปนกิจศพสามีในวันนี้
นศ.อาชีวะขอกลับไทยทั้งหมด
ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. เปิดเผยว่า จากที่มีนักศึกษาอาชีวะที่ไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพตามโครงการความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนทวิภาคีระดับ ปวส. สาขาพืชศาสตร์ ไทย-อิสราเอล ประจำปี 2566 รุ่นที่ 24 จำนวน 78 คน ณ ศูนย์ฝึกอบรมนานาชาติด้านการเกษตร ในเขตอาราวา The Arava International Center for Agricultural Training (AICAT) ซึ่งก่อนหน้านี้ขอกลับไทยมาแล้ว 7 คน เหลือนักศึกษายังอยู่ฝึกงานอีก 71 คน แต่สถานทูตไทยที่อิสราเอลได้แจ้งว่าขณะนี้สถานการณ์สู้รบมีความรุนแรงมากขึ้น และอาจขยายพื้นที่การทำสงครามไปตามเขตเมืองต่างๆ ดังนั้นจึงขอให้อพยพคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลกลับไทยโดยเร็วตนได้โทรศัพท์พูดคุยทำความเข้าใจกับนักศึกษาที่เหลืออยู่ทั้งหมดแล้ว หากยังฝึกงานอยู่อาจได้รับผลกระทบได้ นักศึกษาทุกคนยืนยันจะเดินทางกลับไทยทันที ออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 29 ต.ค.และถึงไทยในวันที่ 30 ต.ค.เวลา 15.50 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากสถานการณ์สู้รบในอิสราเอลคลี่คลายแล้ว และนักศึกษาประสงค์จะกลับมาฝึกต่อ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะเตรียมงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับไปฝึกวิชาชีพที่ประเทศอิสราเอลต่อไป
ระดมโจมตีฉนวนกาซา
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 28 ต.ค. ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล (IDF) ระบุว่า กองทัพขยายการบุกจู่โจมทางอากาศและภาคพื้นดินเข้าไปในฉนวนกาซามากขึ้น พร้อมเตือนประชาชนที่อยู่ในกาซาซิตี ให้อพยพไปอยู่ทางใต้ของกาซา โดยช่วงกลางดึกของวันที่ 27 ต.ค.อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศบริเวณฐานที่มั่นและอุโมงค์ปฏิบัติการใต้ดินของกลุ่มฮามาสกว่า 150 แห่ง ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา IDF อ้างว่า กลุ่มฮามาสใช้โรงพยาบาลเป็นที่ซ่อนตัวของผู้นำระดับสูงและกลุ่มก่อการร้าย ฮามาสสร้างฐานที่มั่นไว้ใต้โรงพยาบาลอัล-ชีฟา ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ภายในยังมีเชื้อเพลิงไว้ใช้สอยไม่ขาดแคลน ขณะที่นายเอซซัต เอล-รีชิค สมาชิกฝ่ายการเมืองของฮามาส ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่มีมูลความจริง
โวปลิดชีพ 2 ผู้นำทัพฮามาส
การปะทะระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ในฉนวนกาซาเกิดแสงสว่างวาบขนาดใหญ่หลายจุด ด้านฮามาสยิงจรวดตอบโต้อิสราเอลหลายลูกอย่างต่อเนื่อง แรงระเบิดจากการโจมตีทางอากาศโดยอิสราเอลสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในฉนวนกาซา ส่งผลให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตล่ม รวมถึงระบบการสื่อสารในกาซาถูกตัดขาด มีเสียงไซเรนดังทั่วบริเวณฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน IDF ยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวได้คร่าชีวิตนายอิสซาม อาบู รักเบห์ ผู้นำคนสำคัญ มีบทบาทในการควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศของกลุ่มฮามาส อาทิ อากาศยานไร้คนขับ และการป้องกันทางอากาศรวมถึงสังหาร นายราเต็บ อาบู ซาฮิบาน ผู้บัญชาการกองทัพเรือของกลุ่มฮามาส เป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการแทรกซึมทางทะเลเข้าอิสราเอล เมื่อวันที่ 24 ต.ค.
ปาเลสไตน์ตายทะลุ 7.3 พันศพ
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างแถลงการณ์ของกลุ่มฮามาสว่า กลุ่มฮามาสพร้อมปฏิบัติการสู้รบกับกองทัพอิสราเอลอย่างเต็มกำลัง พร้อมระบุว่านายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และกองทัพจะไม่มีวันคว้าชัยชนะทางทหารได้ นอกจากนี้ ฮามาสยังได้ปะทะกับอิสราเอลในเมืองเบต ฮานุน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และทางตะวันออกของเมืองอัล-เบรจ ตอนกลางของฉนวนกาซาอีกด้วย ทั้งนี้ จากการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตั้งแต่ 7 ต.ค. กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7,326 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3,038 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา