บางแสน ชลบุรี

ยามวัยเยาว์ผลิบาน ณ กลางท้องทุ่ง

ยามวัยเยาว์ผลิบาน ณ กลางท้องทุ่ง | นิยาย Dek-D | LINE TODAY

ยามวัยเยาว์ผลิบาน ณ กลางท้องทุ่ง

ยี่สุ่นหญิงสาววัย 23 ปีในยุคปัจจุบัน เสียชีวิตในวันจบการศึกษา ทั้งที่คิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้วแต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีกลับพบว่าได้ย้อนอดีตกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

ข้อมูลเบื้องต้น

ยี่สุ่นเป็นหญิงสาววัย 23 ปีในยุคปัจจุบัน ได้เสียเสียชีวิตลงในวันจบการศึกษา ทั้งที่คิดว่าตัวเองได้ตายไปแล้วแต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีกลับพบว่าได้ย้อนอดีตกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง!

วิญญาณของเธอได้ย้อนเวลาและทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 10 หนาวคนหนึ่งที่ป่วยลาโลกไปเพราะร่างกายอ่อนแอในครอบครัวที่แสนจะยากจน ครอบครัวถูกเอาเปรียบจากย่าเลี้ยงและขับไสไล่ส่งพวกเขาให้ออกมาอาศัยอยู่ในกระท่อมไม้เล็กๆที่ตีนภูเขาท้ายหมู่บ้าน

แม้พ่อของนางจะเป็นนายพรานที่เก่งที่สุดของหมู่บ้านแต่ก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ติดค้างและรักษาอาการของเธอจนหมด อาหารในแต่ละวันได้กินเพียงวันละมื้อ มากสุดก็สองมื้อ! อีกทั้งยังเป็นเพียงแผ่นแป้งแข็งๆที่ทำจากธัญพืชหยาบๆเท่านั้น ของแค่นั้นใครมันจะไปอิ่มกัน!

ทุกคนในครอบครัวตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับไม้จิ้มฟันก็ไม่ปาน

ในเมื่อสวรรค์ส่งนางมาแล้วก็ช่างเถิด อย่างไรคนในครอบครัวก็ดีต่อนางมาก ชีวิตเด็กกำพร้าที่ได้มีโอกาสมีครอบครัวอีกครั้งไหนเลยจะไม่ยินดี

ดังนั้นมิชชั่นสาวน้อยทะลุมิติที่ต้องหาทางรวยให้ครอบครัวนี้จึงได้เริ่มขึ้น…

จากไรท์…

**เป็นนิยายแนวการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อร่างสร้างตัวนะคะ มีการบรรยายถึงฉากอาหารตั้งแต่การปรุงการกิน ในแต่ละวันของตัวละคร การวางแผน วิธีการหาเงินต่างๆ

นิยายที่แต่งขึ้นนี้เป็นไปเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อาจไม่สอดคล้องกับโลกในความเป็นจริงทั้งหมดเพราะมาจากจินตนาการที่ผู้เขียนสร้างขึ้นและข้อมูลที่ศึกษาจากแหล่งอินเทอร์เน็ต หากมีข้อผิดพลาดหรือไม่สมเหตุผลประการใดผู้เขียนจะปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามกันค่ะ

นักเขียนใจบางมากค่ะ ขอความกรุณานักอ่านพูดคุยกันด้วยความสุภาพและน่ารักนะคะ^^

*เพิ่มเติม ปล. ลงวันละสองตอนและเปิดให้อ่านฟรีวันละ 1 ตอนนะคะ^^

ทะลุมิติ

“เวลาตีหนึ่งสี่สิบห้านาที นางสาวยี่สุ่น แซ่สุย เสียชีวิตในวันที่ xx เดือน xx ปี yyyy อายุขัยทั้งสิ้น 23 ปี”

นี่คือเสียงของนายแพทย์หนุ่มผู้ที่เพิ่งผ่านช่วงเวลาความเป็นตายของหญิงสาวร่างแบบบางใบหน้าสะสวยซึ่งนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ร่างกายของหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบปราศจากร่องรอยของการกระทบกระเทือนใดๆทั้งสิ้น ราวกับเธอผู้นั้นเพียงกำลังหลับไหลไปเฉยๆ เท่านั้น หลังสิ้นเสียงของนายแพทย์หนุ่ม พยาบาลสาวก็ยกผ้าห่มขาวบางที่คลุมตั้งแต่ปลายเท้าจรดหน้าอกให้สูงขึ้นไปจนถึงศีรษะของผู้เสียชีวิตอย่างเบามือ บ่งบอกว่าร่างนี้ไร้ซึ่งวิญญาณที่สิงสถิตย์แล้ว

ยี่สุ่นเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ได้ทุนไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศจีน ในวันจบการศึกษาก็เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตลงในวันเดียวกันท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของเพื่อนๆ ที่รักใคร่โดยปราศจากญาติพี่น้องให้ติดต่อได้

เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยตากับยายที่ประเทศไทยในจังหวัดหนึ่งของภาคอีสาน หลังเรียนจบมัธยมปลายเธอก็ต้องสูญเสียที่พึ่งพิงทั้งสองไปในเวลาไล่เลี่ยกัน จนกระทั่งตั้งใจสอบจนได้ทุนเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนและโทรทัศน์ในโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ประเทศจีน

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แม้จะเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้ทำตามความฝันที่ตั้งใจเอาไว้แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากนัก เพราะเธอจากไปอย่างสงบโดยปราศห่วงใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความปารถนาหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในห้วงจิตสุดท้ายก่อนตายเท่านั้นก็คือ ช่วงชีวิตในวัยเยาว์ที่แสนสุข เธออยากได้รับพรให้สามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลานั้นได้อีกครั้งเพื่อจะได้พบหน้าตากับยายของเธออีก

ตากับยายจะมารับเธอเหมือนอย่างที่เคยได้ยินในเรื่องเล่าชีวิตหลังความตายหรือไม่นะ

หรือบางทีพวกท่านทั้งสองอาจจะไปเกิดใหม่แล้วก็ได้

แต่ในใจลึกๆ ก็ยังหวังว่าจะได้เจอหน้าท่านทั้งสองอีกครั้ง…

ภายในห้องไม้แคบๆ ที่มีกลิ่นสมุนไพรและความอับชื้นลอยตลบอบอวล ยี่สุ่นลืมตาโพรงขึ้นมาจ้องมองขื่อไม้บนเพดานห้อง ข้างนอกมีแสงไฟสีเหลืองนวลเล็ดลอดผ่านช่องประตูที่เปิดทิ้งไว้เข้ามาภายในห้อง ทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่เพื่อปรับไล่สายตาอยู่พักใหญ่

ไม่ใช่เธอตายไปแล้วหรือ?

เมื่อยี่สุ่นปรับสายตามองรอบด้านจนพอใจแล้วก็คิดจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลันมีความเจ็บปวดสายหนึ่งในร่างกายแล่นขึ้นมาแตะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พอเธอคิดจะยกมือขึ้นกุมหัวเพื่อระบายความเจ็บปวดก็ยกไม่ขึ้น จึงได้แต่นอนร้องครวญครางส่งเสียงออกมาเบาๆ

คนที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งตึงตังกรูกันเข้ามาในห้องทันใดเมื่อได้รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวและเสียงแผ่วหวิวที่เล็ดลอดออกมาจากด้านในห้อง

“ลูก” หญิงสาวหน้าตาซูบตอบเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตาร่วงเผาะเป็นสายหยดลงมาเปียกชื้นและตกใส่ใบหน้าของยี่สุ่นซึ่งกำลังมองความชุลมุนที่เกิดขึ้นภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เธอนอนอยู่กะทันหัน

“พี่จ๋าฟื้นแล้ว!”

“พ่อจะไปตามหมอ”

“ข้าจะไปยกหม้อต้มน้ำมานะขอรับ”

เสียงของหญิงสาว เด็กชาย ชายหนุ่มและเด็กหนุ่มดังขึ้นรอบตัวของเธอ นำมาซึ่งความสับสนงุนงงให้แก่หญิงสาวที่กำลังนอนขดตัวรับความเจ็บปวดที่ไม่ทราบสาเหตุในขณะนี้

คนพวกนี้เป็นใครกัน?

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

เรื่องล่าสุด