บางแสน ชลบุรี

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก | นิยาย Dek-D | LINE TODAY

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก

ชาติก่อนฆ่าคนเป็นผักปลา ชาติต่อมาขอภาวนาเกิดเป็นแม่การะเกดในเรื่องบุพเพสันนิบาตรที่ได้สามีหรูหราหมาเห่าอย่างพี่หมื่นโป๊ป แล้วสิ่งที่นางได้…. โอ้มายก้อดดดดด!!!

ข้อมูลเบื้องต้น

ใดๆ ล้วนตายแล้วเกิดใหม่ ในใจเมื่อตายแล้วก็ภาวนาให้ได้เกิดในภพที่มีพี่หมื่นโป๊ป ตนเองเป็นแม่การะเกดในหนังที่ดังเปรี้ยงปร้างอย่างบุพเพสันนิบาตร แล้วทำไม?! ทำไม?! ทำไมถึงต้องมาข้ามภพข้ามชาติอย่างนี้!!! คนสวยเซง!

แต่ก็เอาเถอะได้มาเกิดใหม่ดีกว่าไปใช้กรรมที่ฆ่าคนเป็นผักปลาในชาติที่ผ่านมาละกัน…

เพราะการเป็นสายลับทำให้ตายก่อนวัยอันควร “หลี่โม่ลี่ฮวา” ที่ได้มาเกิดใหม่ในตระกูลหลี่จึงแสดงหาความสนุกครื้นเครงอยู่เสมอ ยิ่งในตอนที่เกิดมีน้องชายฝาแฝดรู้ความอย่าง “หลี่โม่หมิง” ตามไม่ห่างทำให้นางที่มีโอกาสได้เป็นพี่ครั้งแรกถึงกับสุขใจตั้งตนเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กดอกที่มีเหล่สมาชิกเด็กดอกทั้งหลายเป็นวัตว์อสูรที่น่ารัก

ธาตุมิติหายากหรือ? แน่นอนว่านางมีมันในครอบครอง!

ไหนจะน้ำทิพย์สวรรค์ที่ดื่มแล้วสดชื่นเพิ่มพลังปรานอีกเล่า….

ของหายากนางล้วนมีไว้ในครอบครองทั้งหมด แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางหลงตัวเองว่าเป็นนางเอกในนิยายที่มาเกิดใหม่พร้อมกับความแมรี่ซูได้อย่างไร?!!!

กำเนิดหลี่โม่ลี่ฮวา

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก

ตอนที่ 1

กำเนิดหลี่โม่ลี่ฮวา

“อ้อเอ้ อ้อเอ้”

เสียงเด็กที่ไหน ? เดี๋ยวนั่นมาสิ่งที่นางพูดนี่นา !!! ทำไมออกมาเป็นเสียงเด็กแบบนี้ ?! ไม่นะ ไม่ใช่อย่างที่คิดใช่หรือไม่

“ว่าไงลูกฮวาเอ๋อร์”

เสียงใครอะไรยังไง? ไหนลองเพ่งมองใหม่ดีๆสิ

O_O!!

ทำไมมองแขนตัวเองไม่เห็น ? ลุกนั่งก็ไม่ได้ ! นี่มันเกินอะไรขึ้น ???

ไหนลองย้อนความทรงจำดูสิทำไมเป็นนางถึงแบบนี้ได้ เท่าที่จำได้ล่าสุดคือรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อไปดูหนังกับเพื่อนชายใจสาวที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง แต่จู่ๆรถก็ดับกลางถนนทำให้รถที่ขับตามท้ายก็สอยตูด….

แต่แค่สอยตูดรถนี่หว่า มันไม่ได้แรงถึงขนาดที่จะบาดเจ็บร้ายแรงจนเป็นอัมพาตแล้วทำไมถึงขยับแขนไม่ได้ ?!

“เอ้ เอ้”

นั่นชัดเลย….

อย่าบอกนะว่าต้องย้อนกลับมาเป็นเด็ก !!!!!!!

โอ้มายก๊อดดดด

“ฮวาเอ๋อร์คิดถึงน้องใช่ไหมลูก? แม่พาหมิงเอ๋อร์ไปอาบน้ำเมื่อครู่จะร้องหาน้องแล้วหรือจ๊ะ”

อะไรคือหมิงเอ๋อร์ ? เสือสมิงหรือเปล่า ?

แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้..

“อ้อเอ้”

เสียงใครอีก เมื่อกี้นางไม่ได้พูดไรเลยนะ !

“นี่ไงฮวาเอ๋อร์น้องมาแล้ว”

นางขอโอ้มายก๊อดอีกรอบนึงได้ไหม ไอ้เด็กทารกตัวอ้วนๆจ้ำม่ำที่ผู้หญิงข้างหน้านางอุ้มนี่คือใคร คงไม่ใช่น้องนางหรอกนะ ถ้าเป็นน้องก็คงจะเป็นแฝดได้กระมัง แล้วเป็นหญิงหรือชายละทีนี้ชื่อหมิงเอ๋อร์ น่าจะผู้ชายไม่ผิดแน่

“อ้อแอ้ อ้อแอ้”

เออออตามไปก่อนละกันนาทีนี้ คิดแล้วก็ปวดหัวนางจากยุคปัจจุบันมาเกิดใหม่หรือย้อนเวลากลับมาในยุคที่คนแต่ชุดจีนโบราณ…

แล้วทำไมต้องยุคจีนโบราณ?

ไทยโบราณไม่ได้หรือ?

นางอยากใส่ชุดไทยสวยๆแบบในเรื่องบุพเพสันนิบาตที่กำลังโด่งดังเปรี้ยงปร้างในช่องสามสีอยู่ตอนนี้ เรียกคุณพี่คะ คุณพี่ขา

แต่ว่าก็ว่าเถอะมายุคนี้ก็พอได้อยู่ จากที่มองสตรีตรงหน้าแล้วซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นมารดาของนางและเจ้าเด็กอ้วนที่นอนดูนิ้วโป้งข้างๆอยู่อาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนดูดีราคาแพง ขนาดเรียบๆนะเนี่ยยังดูสง่างาม เรียบหรูสุดๆ

“เอ้ เอ้”

นี่นาย ว่าแล้วก็หันไปคุยกับไอ้เด็กอ้วนข้างๆหน่อยดีกว่าทำความรู้จักกันไว้เป็นดี โตขึ้นจะต้องเชื่อฟังพี่สาวอย่างนางอย่าดื้ออย่าซนกับพี่นะน้อง

“อื้ออ”

เห้ย! ไอ้เด็กนี่มันได้ว่ะ

ทำหน้าทำตาหน้าเอ็นดูมองหน้านางปริบๆเหมือนกับเข้าใจในสิ่งที่นางพูด ภายภาคหน้านางอาจจะได้ไอ้เด็กอ้วนนี่เป็นลูกกระจ๊อกก็ได้

พูดแล้วก็ขึ้น อยากโตไวๆจะได้จัดตั้งแก๊ง เออพูดถึงแก๊งแล้วชื่อแก๊งไรดีหว่า ? ตัวนางชื่ออะไรนางยังไม่รู้เลยให้ตายเถอะ !

“หลี่โม่ลี่ฮวากับหลี่โม่หมิง”

อ้อ! ขอบพระคุณท่านแม่ที่บอกข้า ก็แหม… ดูสิเนี่ยชื่อช่างไพเราะเหมาะกับนางยิ่งนักว่าใช่หรือไม่หมิงหมิง?

“เอ้!”

นั่นปะไรลูกกระจ๊อกนาง ไม่ว่านางจะพูดอะไรลูกกระจ๊อกนางก็เออออตามนางได้เป็นอย่างดี

เอาล่ะ! ที่นี้รู้ชื่อแซ่แล้วเราจะก็ทำการตั้งชื่อแก๊งที่ยิ่งใหญ่เสียที!!!

แก๊งของข้ามีนามว่า….

แก๊งเด็กดอก!!!!!!!!!

เยี่ยมๆ ช่างไพเราะยิ่งนัก …….

……………………………………………….

ครอบครัวหลี่

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก

ตอนที่ 2

ครอบครัวหลี่

8 ปีต่อมา….

นั่นไงในนิยาย 8 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่ชีวิตจริงของนางนะหรือ…. หึหึ อย่าให้ต้องพรรณา!!!!

ตั้งแต่เกิดใหม่เป็นคุณหนูหลี่ผู้เป็นที่รักของคนทั้งจวนวันๆหนึ่งในชีวิตนางไม่มีอะไรที่สนุกสุดเหวี่ยงให้ทำเลยแม้แต่น้อย ตื่นขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวกับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ ท่านแม่รอง พี่ใหญ่ พี่รอง นาง และก็เด็กอ้วนหมิงหมิงน้องชายฝาแฝดของนาง

พอกินเสร็จก็นอน ตื่นมาก็กิน กินเสร็จแล้วก็นอนอีก ไม่เคยได้กระดิกตัวทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มีบางช่วงเมื่อไม่นานมานี้มีอาจารย์มาสอนเรื่องงานบ้านงานเรือนต่างเรียกว่าศาสตร์ทั้งสี่สำหรับสตรี ช่วงเวลานั้นจึงหายเบื่อขึ้นมาหน่อยแต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นเพราะคนมาดแมนอย่างนี้หรือจะต้องเก่งเรื่องงานเย็บปักถักร้อย?
ส่วนหมิงหมิงก็ต้องไปเรียนเกี่ยวกับศาสตร์ของบุรุษ

นางจะไม่อะไรเลยถ้าในยุคนี้สตรีต้องคอยอยู่หลังบุรุษ แล้วไอ้หลักสามเชื่อฟังสี่จรรยาที่เป็นคำสอนสำหรับบุตรียุคนี้ที่ว่า ก่อนออกเรือนเชื่อฟังบิดาหลังออกเรือนเชื่อฟังสามีสิ้นสามีเชื่อฟังบุตร หรือจะพูดง่ายๆก็คือไม่ว่าจะตั้งแต่เกิดคือต้อเชื่อฟังแต่ผู้ชายเท่านั้น นางที่มาจากยุด2020กลับมาโดนคำสอนในยุคโบราณแบบนี้รับไม่ได้เลยค่าาาา

ในเมื่อยุคนี้สอนให้เชื่อสามีหรือไม่ก็บิดานางก็จะไม่แต่งออกเรือนไปให้ถูกกดขี่เด็ดขาด!! ขออยู่ที่เรือนเป็นสาวเทื้อดีกว่าแต่งออกไปแล้วโดนสามีตบตีจนตาย คิดได้ดังนั้นนางจึงต้องทำตัวให้น่ารัก และคอยออดอ้อนท่านพ่อของนางให้รักนาง หลงนาง จนไม่คิดจะยกนางให้ใครทั้งนั้น
อาทิตย์ที่ผ่านมานางและหมิงหมิงได้ไปทำการปลุกพลังธาตุ ผลจากการปลุกพลังธาตุทำให้นางมีธาตุพฤกษาที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหลอมโอสถ และธาตุไฟ (นักหลอมโอสถควรจะถือครองธาตุไม้ ไฟ พฤกษา หรือแสง ธาตุใดก็ได้ )

ไอ้ธาตุสองธาตุนั้นไม่อันตรายเท่าไหร่หรอก ในตัวนางยังมีอีกธาตุหนึ่งที่หินวิญญาณไม่สามารถบอกได้ก็คือ ธาตุมิติ

ธาตุนี้เป็นธาตุต้องห้ามที่ไม่สามารถบอกผู้ให้ได้เพราะเป็นธาตุที่หายากมากในหนึ่งพันปีจะมีสักคนที่มีธาตุนี้อยู่ จริงๆนางก็ไม่ได้รู้เรื่องธาตุมิติอะไรนี้หรอกสืบเนื่องมาจากวันนั้นหลังจากปลุกพลังธาตุกลับมาที่จวนนางอยากลองของ… เอ๊ย! ทดสอบธาตุของตัวเองเล็กน้อยเลยได้ทำการเผาหญ้าให้หมิงหมิงลูกกระจ๊อกนางดูเป็นขวัญตา
แต่ปรากฏว่าไฟที่นางรวบรวมพลังปราณมาเผานั้นเป็นสีส้มกึ่งสีดำ!!!!!!!!

แม้จะเป็นเพียงเปลวไฟเล็กๆก็เถอะ หากแต่มันก็ทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก ดีที่เคยอ่านในตำราที่ห้องท่านพ่อทำให้รู้ว่าธาตุไฟของนางนั้นเป็นไฟโลกันต์! และไอ้ไฟโลกันต์นี้เองนี้ไม่สามารถใช้ธาตุน้ำธรรมดาดับได้ นางเลยหาวิธีที่จะดับมันก่อนที่จะลุกลามจากเผาหญ้าเป็นเผาจวน! จนในที่สุดสวรรค์ก็เมตตานางเพียงนางแค่คิดว่าให้มันหยุดเผามันก็หยุดเลย

แต่ความเสียหายที่ได้มานั้นสวนดอกกุ้ยเหมยทั้งสวนของท่านแม่ฮูหยินใหญ่ของจวนพังลาบเป็นหน้ากลอง ด้วยกลัวความผิดจึงคิดว่าอยากหายไปจากตรงนี้วืบเดียวเท่านั้นนางย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในมิตินี่เฉยเลย ทำใจอยู่ครึ่งเค่อในมิติก็กลับออกมาอยู่ตรงที่เดิมก่อนที่จะเข้าไปในมิติเจอบ่าวในจวนที่กำลังวิ่งวุ่นหาตัวนางอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะหมิงหมิงร้องไห้ที่เห็นนางหายไปต่อหน้าต่อตานั่นเอง

ผลสุดท้ายท่านแม่ดุนางได้เพียงเล็กน้อยท่านพ่อมาขวางเอาไว้แล้วอุ้มนางกลับไปเล่นในห้องตำรา แถมท่านพ่อยังปลอบนางกลัวว่านางจะตกใจจากการเผาสวนของท่านแม่

เรื่องนี้ก็เลยสอนให้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตนางทำได้ถูกต้องแล้วที่มักจะคอยออดอ้อนท่านพ่อตลอดเวลา ฮ่าฮ่าๆๆ

ครอบครัวของนางประกอบด้วยท่านพ่อเสนาบดีฝ่ายขวาหลี่เหยียน มารดาของนางคือฮูหยินใหญ่ถานเฟยเจินเป็นน้องสาวของถานฮองเฮา นางมีพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันอีกหนึ่งคนคือพี่ใหญ่หลี่โม่เฉิน เขาเป็นรองแม่ทัพสังกัดของชินอ๋องเฉียนหลางผู้เป็นแม่ทัพใหญ่

และยังมีพี่ชายร่วมบิดาเป็นพี่รองหลี่โม่หยางที่เกิดจากฮูหยินรองมู่หลิงจี ตัวท่านพ่อเป็นผู้ใช้ธาตุลม ไฟ และธาตุพิเศษคือธาตุแสง พี่ใหญ่ได้ธาตุของท่านพ่อมาทั้งหมดทั้งสามธาตุ พี่รองเป็นผู้ใช้ธาตุลมเหมือนท่านพ่อ ธาตุดินที่เหมือนแม่รอง และธาตุพิเศษคือธาตุแสงเช่นเดียวกับพี่ใหญ่

ส่วนเจ้าเด็กอ้วนหลี่โม่หมิงน้องชายฝาแฝดของนางหรือคุณชายสี่ (นางเป็นคุณหนูสาม) มีธาตุน้ำเหมือนท่านแม่ และมีธาตุพิเศษเป็นธาตุเหมันต์ ซึ่งท่านแม่ได้บอกว่าธาตุเหมันต์ของหมิงหมิงได้มาจากท่านตาของนางหรือก็คือท่านพ่อของท่านแม่นั่นเอง

นางที่มีธาตุพฤษาเหมือนท่านแม่นั้นท่านแม่ก็ได้สอนการหลอมโอสถเบื้องต้นให้นางได้ลองทำไว้บ้างแล้ว รวมทั้งตำราสมุนไพร ขั้นตอนการหลอมโอสถให้ได้ความบริสุทธิ์ต่างๆ

ไม่ได้อยากจะบอกท่านแม่หรอกนะว่าตำราสมุนไพรของท่านแม่ที่อยู่ในห้องตำราของจวนที่ท่านพ่อไว้ทำงานนั้น นางได้อ่านหมดแล้วตั้งแต่นางรู้ความได้ ในวัยเด็กสองถึงสามหนาวนางอ้อนท่านแม่ให้สอนอ่านสอนเขียนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเพราะยังไงก็พอรู้อยู่แล้วว่าชีวิตในชาตินี้ของนางต้องมีการแข่งขันกันหนักหน่วงมาก ใครแข็งแกร่งคนนั้นรอด!!

จากที่อ่านตำราโลกใบนี้หรือจะเรียกว่าทวีปนี้แบ่งออกเป็นแคว้นใหญ่ๆ ซึ่งแบ่งได้ 5 แคว้นประกอบไปด้วย แคว้นเยว่ แคว้นหาน แคว้นจือโหย่ว แคว้นชวู่ และแคว้นเฉียน

แคว้นเยว่อยู่ทางทิศเป่ยเปียน (ทิศเหนือ) ติดกับแคว้นหานอยู่ทิศตงเปียน (ทิศตะวันออก)และแคว้นจือโหย่วที่อยู่ทิศซีเปียน(ทิศตะวันตก) เช่นเดียวกับแคว้นชวู่ที่อยู่ทางทิศหนานเปียน(ทิศใต้) โดยมีแคว้นแคว้นเฉียนตั้งอยู่คั้นกลางระหว่างแคว้นทุกแคว้น แต่ละแคว้นจะมีป่าต่างๆกั้นกันไว้หรือไม่ก็แม่น้ำที่มีความกว้างมากถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงกว้างเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรากระมัง

“หมิงหมิง พี่จะเข้าไปบ้านของพี่จะไปกับพี่ด้วยหรือไม่ ?” เมื่อเห็นว่าว่างมากเกินไปจนน่าเบื่อหน่ายเลยหันไปถามหมิงหมิงน้องชายฝาแฝดที่นั่งข้างๆ

ตอนนี้เราสองคนไม่สิ สี่คนมากกว่า มีนาง หมิงหมิง เสี่ยวอิง และเสี่ยวจิว บ่าวรับใช้ข้างกายนางกับหมิงหมิงอยู่กลางศาลากลางน้ำที่ล้อมไปด้วยสระเหลียนฮวามากมายไปหมด

ศาลาตรงนี้จะเยื้องๆกับสวนเหมยกุ้ยที่นางจุดไฟเผาไปเมื่อตอนนั้นละ ไอ้บ้านที่ว่าก็ไม่ใช่ที่ไหนคือบ้านในมิติของนางนั่นแหละ เคยพาหมิงหมิงเข้าไปเล่นอยู่บ่อยครั้งจนหมิงหมิงชอบอกชอบใจ ร้องตามนางทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเลยกลายเป็นว่านางและน้องชายนางตัวติดกันตลอดเวลา จนบางครั้งท่านแม่ก็สงสัยแต่นางทำหน้าตาใสซื่อจนรอดตัวมาได้ทุกครั้ง ท่านแม่เลยไม่ได้อะไรมากมายนักเพียงคิดว่าน่าจะเป็นแฝดกันเลยตัวติดกันเป็นธรรมดา

ตอนนี้เป็นยามอู่ (11.00 – 12.59 น.) ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะมากที่จะฝึกฝนปราณของตัวเองให้แข็งแกร่ง แม้จะพึ่งปลุกพลังปราณไปไม่นานแต่ด้วยความขยันบวกอยากลองวิชาจึงทำให้ตัวนางตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

ก็แหม… ใครจะไปรู้อยู่ๆวันดีคืนดีมีใครมาใส่ร้ายว่าครอบครัวนางเป็นกบฏเหมือนในนิยายที่นางเอกต้องโชคร้ายเสมอจะได้เตรียมตัวไว้ทัน เป็นไงแผนการนางเจ๋งเป้งไปเลยไหมละ

“อื้อ!!”

ได้เสียงตอบรับจากน้องชายก็พากันเดินกลับจวนใหญ่ไปยังห้องตำรา แกล้งทำมาเป็นอ่านหนังสือในห้องนี้ เพราะท่านพ่อได้ทำโต๊ะอ่านตำราให้นางกับหมิงหมิงไว้สักพักแล้ว

“พี่เสี่ยวอิงกับพี่เสี่ยวจิวรอข้างนอกนะ อย่าให้ใครไปรบกวนแล้วประมาณยามยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) ค่อยเข้าไปตามข้ากับหมิงหมิงก็ได้”

“เอาขนมกับชาด้วยไหมเจ้าคะคุณหนู พี่จะได้ไปจัดเตรียมมาให้ก่อนเดี๋ยวจะหิวเอานะเจ้าคะกว่าจะถึงยามโหย่ว”

“ไม่เอาดีกว่าพี่เสี่ยวอิง ข้าไปละนะ บ๊ายบายย” เสียงเล็กกล่าวอย่างทะเล้นเช่นเดียวคำกล่าวนั้นที่นางสามารถหยิบภาษาในยุคปัจจุบันมาใช้ได้อย่างคล่องปากเลยทีเดียว

พอปิดประตูเข้ามาด้านในได้ก็จูงมือน้อยป้อมๆของหมิงหมิงเข้ามาในมิติทันที มิติของนางเป็นอะไรที่ดีเลิศประเสริฐศรีมากเหมาะสมกับนางที่ถือว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในโลกหล้า ฮ่าๆๆ

ตอนที่เข้ามาตอนแรกในมิติยังไม่ค่อยไม่อะไร อาทิบ้านพัก ห้องหับต่างๆ นางที่พอรู้ว่ามีมิติก็ได้เริ่มเข้ามาตกแต่งเรื่อยๆจนตอนนี้ถ้าใครได้เข้ามาเห็นก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างดงามดังสรวงสวรรค์ทีเดียวเชียว

บ้านที่พักนางออกแบบความคิดโดยเอาเรือนโม่ลี่ฮวาของนางมาเป็นตัวอย่างแต่เพิ่มขนาดห้องแต่ละห้องให้มีความกว้างขวางเพื่ออนาคตสามารถพาท่านพ่อ ท่านแม่ แม่รอง และก็บรรดาพี่ๆเข้ามาในนี้ได้

สวนหน้าเรือนของนางก็แยกเป็นส่วน มีสวนฝั่งสมุนไพรอยู่หลังจวน ถัดมาข้างๆบ้านก็จะเป็นดอกไม้พิษต่างๆที่ไว้ปรุงโอสถ ทั้งโอสถบำรุงหรือแม้กระทั่งพิษ เยื้องออกมาหน่อยจะเป็นน้ำตกทิพย์สวรรค์หรือน้ำทิพย์สวรรค์เวลาตักขึ้นมาสีน้ำจะเป็นสีขุ่นขาวประหนึ่งไข่มุกมีแสงเรืองรองระยิบระยับ สามารถนำมาปรุงอาหาร รดน้ำต้นไม้ ดอกไม้ สมุนไพรต่างๆ
แต่ถ้าดื่มปริมาณการดื่มไม่ควรหลายอึกเกินไป เพราะสรรพคุณของมันจะช่วยให้ร่ายกายมีพลังฟื้นกลับมาที่รวดเร็วยิ่งกว่าโอสถฟื้นพลังปราณ ในกรณีที่ต่อสู้หรือสูญเสียพลังปราณเป็นจำนวนมาก ดื่มมากก็จะทำให้ร่ายกายรับไม่ไหว

และน้ำทิพย์สวรรค์สามารถนำมาผสมในการหลอมโอสถให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นได้ น้ำตกสวรรค์นี้มีขนาดย่อมๆไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ข้างน้ำตกทิพย์สวรรค์จะเป็นต้นท้อ ผิงกั่ว ผลไม้ต่างๆที่นางมักจะปลูกไว้เพื่อหยิบมาให้หมิงหมิงได้กิน ข้างกันจะเป็นสวนดอกกุ้ยเหมย หลันฮวาดิน เหลียนฮวาดิน ถัดมาที่ติดกับสวนสมุนไพรหลังจวนจะเป็นทะเลสาบมรกต

สรรพคุณของทะเลสาบแห่งนี้นางยังไม่แน่ชัดมากนักในตำราที่เคยได้อ่านระบุไม่ค่อยชัดเจน และมีข้อมูลน้อยมากนางจึงยังไม่กล้าเสี่ยงที่จะใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าได้ พื้นที่ในมิติแห่งนี้ไกลสุดลูกหูลูกตาด้านหลังสวน น้ำตก ทะเลสาบล้วนเป็นภูเขาล้อมรอบทั้งสิ้น จากการสำรวจคร่าวๆไม่พบสิ่งมีชีวิตใดเลยแม้แต่สัตว์อสูรที่มักจะอ่านเจอในนิยายก็ไม่มี

“หมิงหมิงหิวหรือไม่? อยากกินลูกท้อหรือเปล่า”

“ไม่หิว ฮวาเอ๋อร์จะฝึกพลังหรือ?”

ใช่ค่ะ คุณฟังไม่ผิด….

เจ้าก้อนแป้ง เด็กอวบอ้วนที่นางเฝ้าพร่ำสอนว่าให้เรียกนางว่าพี่ หรือหัวหน้าแก๊งเด็กดอกในวันนั้นจะกลายเป็นเจ้าก้อนแป้งที่ดื้อรั้นในการเรียกชื่อนางในวันนี้

หมิงหมิงไม่เรียกนางว่าพี่… เนื่องจากให้เหตุผลกับนางว่านางและเจ้าตัวเกิดพร้อมกัน วันเดียวกัน ซึ่งก็คืออายุเท่ากัน ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าพี่และที่ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังบอกว่าจะเป็นองครักษ์พิทักษ์และปกป้องนางจากบุรุษทั่วหล้า โดยท่านพ่อและเหล่าพี่ชายทั้งสองก็เห็นดีด้วย

ถึงแม้ว่าพี่รองจะเกิดจากฮูหยินรองหรือแม่รอง แต่ที่จวนเสนาบดีก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งหรือมีปัญหาอะไรอยู่กันดีอย่างสงบ ทั้งแม่รองยังเอ็นดูนางรักนางมากอีกด้วย

อย่างว่าละลูกสาวคนเดียวของบ้านมันดีอย่างนี้นี่เอง แม่รองเป็นคนที่ง่ายๆอะไรก็ได้ ไม่ได้แข่งกันแย่งความโปรดปราณท่านพ่อแต่อย่างใด พื้นหลังแม่รองเป็นลูกของคหบดีต่างเมืองที่เปิดร้านขายผ้าแพรพรรณต่างๆที่แคว้นชวู่
แต่ที่ต้องแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรองให้ท่านพ่อก็เพราะว่าบิดากับมารดาถูกพิษจันทราหวนคืนจากญาติที่ต้องการฮุบสมบัติจนต้องหนีออกมาก่อนที่จะถูกส่งไปขายที่หอนางโลม

การมาเจอท่านแม่ที่ตอนนั้นกำลังท้องพี่ใหญ่ได้ห้าเดือนหนีจากนักฆ่าเข้าไปในป่านิลกาลเลยช่วยท่านแม่ไว้ ทั้งสองเข้าไปหลบในถ้ำด้วยกันอยู่ในนั้นหลายวันกว่าจะท่านพ่อจะตามหาเจอ ภายในถ้ำท่านแม่รองเป็นคนดูแลท่านแม่อย่างดีคอยหาอาหาร ดูแลเรื่องที่หลับที่นอนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นพี่น้องกันเลยละ

และเมื่อได้กลับมาจวนท่านแม่เลยขอให้ท่านพ่อรับแม่รองมาเป็นฮูหยินรองตอนแรกแม่รองไม่ยอมหรอก แต่เนื่องจากเกิดเหตุตอนที่ท่านแม่คลอดพี่ใหญ่ช่วงนั้นที่จวนจัดงานฉลอดที่ท่านพ่อได้บุตรชายคนแรกท่านพ่อดื่นจนเมา แม่รองที่ยกจอกชาขึ้นมาดื่มเพราะสำลักท่าทางท่านพ่อตอนเมาหยิบจอกผิดเป็นเหล้าทำให้เกิดการเมาแล้วได้เสียกันในที่สุด
ท่านแม่รู้เข้าก็เข้าใจไม่ได้ต่อว่าอะไรเลยบีบบังคับท่านพ่อรับแม่รองเป็นฮูหยินรองของจวนเสนาบดีหลี่ ตอนนั้นเรียกได้ว่าแม่รองเกลียดท่านพ่อมากถึงขนาดไม่มาให้เห็นหน้ากันเลยทีเดียว ความฝันแม่รองนั้นคือการท่องยุทธภพแต่กลับต้องมาเป็นฮูหยินรองที่อยู่แต่จวนไปไหนไกลไม่ได้เพราะมีผู้ไม่หวังดีจ้องทำลายตระกูลหลี่

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่กี่เดือนแม่รองเกิดอาการแพ้ท้อง หมอที่มาตรวจนั้นแจ้งว่าท้องอ่อนๆได้เดือนกว่าเกือบสองเดือนแล้ว ซึ่งถ้านับช่วงเวลานั้นก็พอดีกันทำให้ท่านพ่อยิ้มหน้าบานโอ้อวดพักใหญ่ว่าคืนเดียวติด

ตอนแรกแม่รองก็กังวลใจกลัวว่าท่านแม่จะรู้สึกไม่ดีแต่ท่านแม่บอกไม่เป็นไร ดีเสียอีกจะได้มีเจ้าก้อนแป้งมาเล่นในจวนเยอะๆ แม่รองภาวนาให้ในเจ้าก้อนแป้งนั้นเป็นเด็กผู้หญิงเพื่ออยากให้เจ้าก้อนแป้งมาออดอ้อน แต่ที่ไหนได้…

ปุ้ง!!!

กลายเป็นพี่รองหลี่โม่หยาง บุรุษที่ท่านแม่รองบ่นเช้าเย็นว่าไม่น่าออกมาจากท้องนางเลย……

………………………………….

การเดินทาง

คุณหนูหลี่ หัวหน้าแก๊งเด็กดอก

ตอนที่ 3

การเดินทาง

ในเวลายามโหย่ว (17.00 – 18.59 น) หลังจากที่ทุกคนในจวนรับสำรับเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อก็บอกให้พวกเราทุกคนมารอที่ห้องตำราเพื่อที่จะคุยเรื่องสำคัญ โม่ลี่ฮวาที่มีลางสังหรณ์แรงกล้าก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดจากท่านพ่อและท่านแม่ คาดว่าน่าจะมีเรื่องเครียดมาให้ปวดหัวแน่นอน

อุต๊ะ!!

หรือว่าครอบครัวนางกำลังจะโดนใส่ร้ายอย่างที่คิดไว้?!!

ไม่นะ.. นางพึ่งจะแปดหนาวเองจะต้องระเห็จระเหเร่ร่อนแล้วหรือ!?

“เอาละ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อจะเเจ้งข่าวให้ทราบเกี่ยวกับตระกูลเรา…”

ไม่นะเจ้าคะท่านพ่อ!! ข้ายังไม่พร้อมมมมมมม!!!!

“ท่านพี่เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”

“ฮูหยินใหญ่อย่างที่เจ้ารู้นั่นล่ะ ตระกูลหลี่เรามีอำนาจต่อราชสำนักมากเกินไป ข้าเป็นเสนาบดี เสี่ยวเฉินก็เป็นรองแม่ทัพ และเจ้าก็เป็นน้องสาวของฮองเฮา”

“ท่านจะหมายความว่าเรากำลังโดนจับตามมองใช่หรือไม่เจ้าคะ? “

“อืมอย่างที่เจ้าพูดฮูหยินรอง ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาทแต่เหล่าองค์ชายต่างหมายตาฮวาเอ๋อร์ด้วยที่นางนั้นจะเสริมอำนาจให้แก่เหล่าองค์ชายได้”

หลักจากที่ท่านพ่อพูดจบเราทุกคนก็อยู่ในความเงียบทันที นี่อย่าบอกนะว่าคนที่จะนำภัยมาให้ตระกูลหลี่ก็คือนาง?!

เฮ้ยู!

นางพึ่งจะ 8 หนาว….

8 หนาวเองนะเว้ยเห้ย!!!

โอ้ตาย เกิดมางามล้ำเพียบพร้อมด้วยสมบัติและพรสวรรค์นี้น่าหนักใจจริงเชียว

คนสวยเซ็งค่ะ!!!

“ท่านพ่อแล้วเราจะทำอย่างไร ฮวาเอ๋อร์แปดหนาวแล้วไม่เกินสามสี่ปีต้องมีแม่สื่อในวังมาทาบทามเป็นแน่”

อย่างที่พี่รองว่าละยุคนี้ธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาออกเรือนกันตั้งแต่อายุ 15 หนาว โม่ลี่ฮวาที่แปดหนาวอีกไม่กี่ปีก็ต้องออกเรือน ถ้าเป็นยุคที่นางอยู่นะอายุแค่15นมยังไม่ทันตั้งเต้าเล๊ย ฮามอยยังไม่ทันขึ้นด้วยซ้ำ

“พ่อกับเจ้าใหญ่ได้ยื่นลาออกแล้ว พรุ่งนี้เราทุกคนจะออกจากจวนนี้ไปอยู่ที่อื่น”

“อยู่ที่อื่นหรือเจ้าคะ? ท่านพี่มีแผนการแล้วใช่หรือไม่?”

“ใช่เราจะย้ายไปอยู่ใกล้กับป่าบรรพกาลที่อยู่ติดกับแคว้นเยว่”

“ท่านพี่… เราต้องเร่งรีบถึงกับออกจากจวนพรุ่งนี้เลยหรือเจ้าคะ”

“เจินเอ๋อร์เราไม่มีเวลาแล้ว ใจจริงพี่อยากจะให้เราออกจากจวนตั้งแต่ค่ำนี้เลยด้วยซ้ำ”

“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับน้องหญิงและลูกๆจะรีบไปเก็บของประเดี๋ยวนี้ ท่านพี่แล้วบ่าวเล่าเจ้าคะ?”

“พี่บอกพ่อบ้านชุนไว้แล้ว คนที่สมัครใจจะไปด้วยจะออกจากจวนคืนนี้มุ่งหน้าไปยังที่ที่นัดหมายก่อน อีกส่วนจะไว้คอยช่วยพวกเจ้าขนของและไปพร้อมกับเราในยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.)”

“เจ้าค่ะ งั้นพวกข้าจะไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ”

สองสามีภรรยาปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดโดยมีเหล่าลูกๆต่างมองทั้งคู่ด้วยความตกตะลึง อันที่จริงก็มีเพียงโม่ลี่ฮวาเพียงเท่านั้นแหละที่ตามไม่ทันเพราะนางยังคงไม่ได้ตั้งตัวที่จะกลายเป็นคนไร้บ้านและไร้ข้าวของเครื่องใช้ที่แสนสุขสบาย!

ไม่รู้ว่าไปทำเวรกรรมอะไรถึงได้ทำให้นางเกิดมาได้เพียงไม่กี่ปีก็ต้องกลายเป็นต้องเก็บของหนีตายกันแล้ว!

หลังจากที่นั่งฟังผู้ใหญ่พูดกัน นางกับหมิงหมิงที่พึ่งกินข้าวอิ่มก็เริ่มง่วงหงาวหาวนอนขึ้นมาทันที ไอ้ที่ตั้งใจฟังก็ได้ยินชัดบ้างไม่ชัดบ้างเบลอๆไปหมด รู้เพียงว่าจะย้ายจวนหนีแม่สื่อจากในวันเท่านั้น

เห้อ…

เกิดเป็นคนสวยนี้ลำบากเสียจริง!

คนอะไรก็ไม่รู้สวยจริงสวยจัง สวยจนนำภัยมาให้ตระกูล แต่จะให้เลือกเกิดหน้าตาธรรมดาก็เห็นทีจะเป็นไปได้ยากเสียด้วย ลำบากใจจังว่าแล้วก็เดินตามท่านแม่ทั้งสองกลับจวนไปเก็บข้าวของดีกว่า…

.

ยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.)

เวลาที่รอคอยก็มาถึงเสียที โม่ลี่ฮวาที่ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่จะได้ย้ายออกจากจวนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น นี่ละน๊าที่เขาว่ากันว่าสุขใดเล่าจะเท่ากับการผจญภัย!!!!

เพระยังเด็กเกินไปจนทำให้นางไม่มีสามารถจะแอบหนีออกไปด้านนอกเพื่อสำรวจโลกกว้างแห่งนี้ แม้ว่านี้จะเป็นโชคร้ายแต่โม่ลี่ฮวากลับคิดว่ามันก็ยังเป็นโชคดีอยู่ด้วยเช่นกันตรงที่นางจะได้ไปเปิดหูเปิดตาสมใจอย่างไรเล่า!

ข้าวของของนางมีไม่เยอะ ส่วนมากจะเก็บเข้ามิติหมดจะมีจำพวกเสื้อผ้าอาภรณ์ รองเท้า เครื่องประดับต่างๆเล็กน้อยเท่านั้นที่โม่ลี่ฮวาใส่ไว้ในรถม้าเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยมากนัก

ส่วนของท่านแม่แต่ละท่านก็นู้นเรียกว่าจ้างเกวียนเลยเสียดีกว่า ถึงแม้ว่าของมีค่าพวกเงินทองเครื่องประดับพระราชทาน ผ้าไหมต่างๆในคลังสมบัติของจวนจะเก็บเข้าแหวนมิติทั้งหมดแต่ของก็ยังเยอะอยู่ดี ท่านแม่มีการบอกด้วยนะว่านี่ของน้อยแล้ว…

เจ้าค่ะท่านแม่ของน้อยแล้วจริงๆ

น้อยจนใช้เกวียนแค่ 5 เกวียน…

5 เกวียนนี้ไม่รวมของที่อยู่ในแหวนมิติของท่านแม่ทั้งสอง พี่ใหญ่พี่รองและท่านพ่ออีกคนละ 2 วง…

หาที่เปรียบมิได้เลยเจ้าค่ะ…..

ขบวนเดินทางในครั้งนี้มีจำนวนคนไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะบ่าวกลุ่มใหญ่ๆนำโดยพ่อบ้านชุนได้ล่วงหน้าไปยังจุดนัดหมายของท่านพ่อแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่ครอบครัวของนาง องครักษ์คนสนิทของท่านพ่อสองคน องครักษ์เงาที่เร้นกายเกือบยี่สิบ บ่าวชายหญิงอีกประมาณสิบคนได้ เรียกได้ว่าขบวนเดินทางของนางไม่ได้เป็นที่เตะตาคนเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะพบว่าเป็นเพียงคณะคหบดีต่างเมืองเท่านั้น

อีกอย่างจะเตะตาได้อย่างไร? ตอนนี้ยามอิ๋นคนส่วนน้อยนักที่จะตื่นกันจะมีก็แต่พวกบ่าวที่ออกมาทำงานในจวนอื่นเพียงเท่านั้น

เอาล่ะ! เรื่องอื่นช่างมัน แต่ตอนนี้…

ป่าบรรพกาลจ๋ารอพี่ดอกด้วยจ้าาาา!!!!!!!!

ตั้งแต่มาเกิดใหม่จนถึงอายุแปดหนาวโม่ลี่ฮวาไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนเลย จะมีก็แต่ออกจากจวนไปตลาดไม่ไกลจากจวนมากเท่านั้นหรือไม่ก็ไปแค่ปลุกพลังเมื่อไม่นานมานี้ นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอก
จะว่าก็ว่าเถอะตั้งแต่ออกจากจวนมาโม่ลี่ฮวาที่นั่งในรถม้ากับมารดาทั้งสองนางยังไม่ได้ทำอะไรที่ตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว…

น่าเบื่อ…

มันน่าเบื่อเกินไปแล้ว!!!!!

นางต้องการอะไรก็ได้ที่จะทำให้นางคลายความเบื่อหน่ายนี้ลง แต่จะอะไรล่ะ? โม่ลี่ฮวาคิดจนหัวจะระเบิดแต่ก็สามารถคิดอะไรออกมาได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

และในที่สุด….

เสียงสวรรค์ก็มาโปรดนางเสียที!!!!!

“ทางข้างหน้าเป็นป่าและภูเขาก่อนจะไปถึงเมืองถิงอัน เราต้องข้ามผ่านป่าแห่งนี้พร้อมกับข้ามเขาไปอีกสองลูกถึงจะถึงเมืองถิงอัน ถ้าไปถึงเมืองถิงอันก่อนยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) เราจะพักกันที่นั่น วันรุ่งขึ้นอีกวันถึงจะเดินทางต่อ”

หลี่เหยียนอดีตเสนาบดีฝ่ายขวาที่ขี่ม้าขนาบข้างรถม้าเอ่ยก่อนจะสั่งให้ผู้ที่ติดตามมาเร่งฝีเท้าไปยังเมืองถิงอันก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน

เนื่องจากบริเวณแถบนี้เป็นป่าเขาแม้จะไม่มีโจรแต่อันตรายยามค่ำคืนน่ากลัวเกินไป เขาจึงไม่อย่างจะเสี่ยงอีกทั้งการเดินทางในครั้งนี้ยังมีภรรยาแล้วบุตรสาวที่เป็นสตรีจึงไม่เหมาะที่พักค้างคืนในป่าเท่าใด

เมืองถิงอันเป็นเมืองหนึ่งที่ครอบครัวหลี่จะต้องเดินทางผ่าน จากการคำนวณของอดีตเสนาบดีฝ่ายขวาเขามั่นใจว่าจะถึงเมืองชูเหล่ยที่อยู่ติดกับป่าบรรพกาลไม่เกินสี่วันเป็นแน่

ในความเป็นจริงแล้วหลี่เหยียนไม่ได้จะตั้งจวนใหม่ติดกับป่าบรรพกาลในแคว้นเฉียน แต่ที่ต้องมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อที่จะเดินทางเลียบป่าบรรพกาลไปแคว้นเยว่ต่างหาก

ถ้าไปตั้งตัวที่แคว้นเยว่ได้ก็จะไม่มีอันตรายมาทำอะไรคนในครอบครัวของเขา แคว้นเยว่ขึ้นชื่อเรื่องการคุ้มกันประชาชนเป็นอย่างมาก หลี่เหยียนตั้งใจจะไปเพิ่มชื่อครอบครัวของตนเพื่อที่เป็นประชากรในแคว้นเยว่ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากการย้ายจากแคว้นเฉียนมาแคว้นเยว่อาจจะมากมายจนเขาคาดไม่ถึงแต่ก็ยังถือว่ามันคุ้มในท้ายที่สุดอยู่ดี
แต่อีกความคิดของอีกคนที่จะสวนทางกับบิดาก็คือ…

หลี่โม่ลี่ฮวา..

โม่ลี่ฮวาเมื่อได้ยินบิดาพูดถึงป่าก็ตื่นเต้นแม้ป่าจะไม่ใหญ่เป็นเพียงทางผ่านแต่ก็ขึ้นชื่อว่าป่า มีป่าต้องมีสมุนไพรเป็นแน่เเท้ในหัวของนางคิดไม่ตกว่าเมื่อมีสมุนไพรแต่นางจะขอบิดามารดาลงไปเดินดู หรือเก็บได้อย่างไร?

นั่นคือปัญหาอันใหญ่หลวงนัก….

ถ้าลองอ้อนขอบิดาก็น่าจะได้อยู่กระมัง

“ท่านพ่อเจ้าคะ…”

“ว่าอย่างไรลูกฮวาเอ๋อร์?”

หลี่เหยียนออกจากความคิดหลังได้ยินเสียงบุตรีเพียงหนึ่งเดียวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เพียงแค่หันไปมองนางที่เป็นแก้วตาดวงใจได้เห็นแววตาอันสั่นไหวของนางบิดาเช่นเขาก็แทบอยากจะหาสิ่งใดก็ตามที่บุตรสาวเขาปรารถนามาประเคนให้ถึงที่ หลี่เหยียนไม่อยากให้นางรู้สึกเสียใจแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่นางเกิดมาลืมตาดูโลกในฐานะบุตรีของเขา
โม่ลี่ฮวาเป็นดั่งดวงใจดวงน้อยที่เขาไม่กล้าเตะต้องแรงเพราะกลัวนางบอบช้ำ ใครจะว่าเขาหลงลูกสาวเขาจะไม่เถียง จะยอมให้คนตราหน้าต่อไปแต่จะไม่ยอมหักห้ามใจในการตามใจบุตรสาวของตนอย่างเด็ดขาด!

“ท่านพ่อในป่านี้ต้องมีสมุนไพรเป็นแน่ ลูกอยากลงไปดูได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ฮวาเอ๋อร์ในป่าอันตรายนัก เราต้องเร่งเดินทางไปให้เร็วนะลูกคงไม่สามารถเดินดูสมุนไพรอย่างที่เจ้าตั้งใจได้หรอก”
ฮูหยินใหญ่ถานเฟยเจินที่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยขอสามีตนก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน อย่างไรเสียถ้านางไม่ขัดเกรงว่าสามีจะตามใจบุตรสาวจนเคยตัว

“ท่านแม่เพียงประเดี๋ยวก็ไม่ได้หรือ?”

“นั่นสิเจินเอ๋อร์ พี่ว่าให้ฮวาเอ๋อร์เดินดูสมุนไพรเพียงชั่วครู่ก็มิเป็นไรหรอก”

เห็นไหม… จนได้สิสามีของนาง!

ถานเฟยเจินคร้านที่จะโต้เถียงกับสามี ถึงอย่างไรโม่ลี่ฮวาก็ถูกตามใจจากผู้เป็นบิดาอยู่ดี ต่อให้นางจะค้านหัวชนฝาว่าไม่ให้ไปแต่เชื่อเถิดสามีนางนั้นหาข้ออ้างและเหตุผลมาพาบุตรีไปอยู่ดี

“ท่านพี่เราต้องเร่งเดินทางไม่เช่นนั้นจะไปไม่ถึงเมืองถิงอันก่อนยามเซินนะเจ้าคะ”

“ถึงทันแน่นอนเจินเอ๋อร์ เอาล่ะพี่จะพาฮวาเอ๋อร์ไปเดินดูเสียหน่อยก็แล้วกัน จะได้ให้บ่าวกับม้าพักเอาแรงกันหน่อยด้วย”

หลังจากโม่ลี่ฮวาเดินอย่างสบายใจก็ได้สมุนไพรมาเพียงนิดเดียวทั้งสมุนไพรก็ยังเป็นสมุนไพรทั่วไปไม่ได้เป็นสมุนไพรหายากแต่อย่างใด ป่าแห่งนี้ไม่ค่อยมีสมุนไพรมากนักทั้งที่พื้นดินอุดมสมบูรณ์ดีแท้ๆ คงจะมีชาวบ้านหรือไม่ก็นักเดินทางผ่านมาเป็นประจำจึงทำให้สมุนไพรเหล่านั้นไม่เหลือตกมาถึงมือนาง

เมื่อเดินจนพอใจแล้วก็ได้เวลาที่จะต้องเดินทางต่อ ระหว่างทางไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบในนิยายที่อ่านที่จะมีนักฆ่าตามมาสังหาร หรือแม้กระทั่งโจรป่าก็ไม่มีเลยแม้เเต่น้อยจึงทำให้โม่ลี่ฮวานอนได้อย่างสบายใจจนถึงเมืองถิงอันเลยทีเดียว
หลี่เหยียนให้คนไปติดต่อเหมาห้องพักที่โรงเตี๊ยมไว้ทั้งหมด โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมขนาดเล็กมีไม่ถึง20ห้องเขาเลือกที่จะเหมาไว้เพื่อกันความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อพักรวมกับแขกขาจรอื่น

………………………………………….

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

เรื่องล่าสุด