“บิ๊กโจ๊ก” สั่งผู้บังคับบัญชา นำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายเรียกและหมายจับในคดีรีดเงินเว็บพนัน 140 ล้าน มารับทราบข้อกล่าวหาให้ครบภายในวันนี้ เผยอีก 2 อาทิตย์จะพบตัวละครทั้งหมด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2566 ที่ห้อง 322 ชั้น 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดี อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีและพวกตบทรัพย์ 140 ล้านจากเว็บพนันออนไลน์ ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตได้ออกหมายจับเพิ่มเติมผู้ร่วมการกระทำผิด 3 คน เป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือน 1 คน และให้ออกหมายเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 9 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ล่าสุดได้สั่งการไปที่ พื้นที่ว่าให้มีการนำตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี ในเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา และ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

โดยล่าสุดพบบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมที่จุดรับส่งมอบเงิน ในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดชลบุรีแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล อีก 2 อาทิตย์จะพบตัวละครทั้งหมด ส่วนประเด็นการติดต่อเข้ามอบตัวของ นายบอย และภรรยา ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว แต่ได้มีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยกเลิกหนังสือเดินทาง หากพบว่ามีการเดินทางออกจากสิงคโปร์ ก็จะถูกดำเนินคดี เพราะว่าบทลงโทษของที่ประเทศสิงคโปร์รุนแรงและหนัก ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่ได้ตัว ได้ประสาน ปปง.เพื่อสืบทรัพย์ ว่า นายบอย มีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่อจะตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหนังสือไปถึงหัวหน้าศาลทั้ง 3 แห่ง คือ ศาลจังหวัดมีนบุรี ศาลจังหวัดธัญบุรี และศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาล เพื่อให้ศาลดำเนินการและรับหนังสือจากพนักงานสอบสวนไป ในส่วนที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำเอกสารเท็จเพื่อออกหมายจับไปหากิน ทำให้ตำรวจที่ดีทำงานยาก บางส่วนออกหมายจับไปแล้ว  ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม  

ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ แจ้งความดำเนินคดีกับมือซ้ายและมือขวาของตนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า เบื้องต้นมือซ้ายและมือขวาดังกล่าวมีตัวตนจริง ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อตนก็รู้ว่าเป็นใคร ทั้งนี้ ย้ำว่าหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็ให้มีการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย และในฐานะที่เป็นคณะทำงานกับตนนั้น ก็จะต้องโดนโทษสองเท่าและให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย แต่หากไม่พบความผิด ก็ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรม 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตนไม่ได้มีหน้าที่แบกรับลูกน้องที่ทำงานไม่ดีไว้กับตน การทำงานกับตน “งานต้องนำหน้าเงิน” คนไหนที่ผิดก็ต้องดำเนินคดีไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็จะต้องเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป.